บทที่ 13 การเผชิญหน้า
แอเรียนยังคงนิ่งเงียบ เธอหันไปพิงบนกำเเพงที่ทางเดินพร้อมกับอดทนกับความปวดท้อง
ทิฟฟานี่รู้สึกไม่พอใจ แต่ถ้าก็ไม่ใช่คนที่จะเอะอะอะไรโดยไร้เหตุผลในเมื่อเธอทำผิด ทิฟฟานี่ขยับไปยืนข้างๆแอเรียน และเหล่ไปมองหอพักที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ “เธอรู้ไหมว่าหอพักที่กำลังสร้างอยู่นั้น มาร์ค เทรมอนต์ เป็นผู้สนับสนุนน่ะ? มันค่อนข้างจะสิ้นเปลืองนะ เขารวยจริง ๆ เนอะ เมื่อเทียบกับครอบครัวของเราแล้วดูไม่มีอะไรไปเลย แอริ ฉันได้ยินว่าเขาจะมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยในวันนี้แหละ”
ไม่มีการตอบใด ๆ จากแอเรียน ความเจ็บปวดที่ท้องของเธอใกล้จะส่งเธอไปเจอยมทูตอยู่แล้ว
จากนั้นติวเตอร์ก็เดินออกมาอย่างเชิ่ด ๆ “พวกเธอสองคนนี่มันยังไงกันฮะ? ฉันจะลงโทษพวกเธอ ยังมีอารมณ์มาคุยเล่นกันอีกgหรอ? ไปเอากระดานวาดรูปของพวกเธอมาแล้วก็วาดให้เสร็จตรงทางเดินนี้นี่ล่ะ ดูซิว่าพวกเธอจะส่งงานได้ทันเวลาไหม!”
ทิฟฟานี่เดินเชิ่ดหน้าเข้าไปในห้องเรียนเพื่อไปเอากระดานวาดรูป ขณะที่แอเรียนยืนนิ่งเป็นอัมพาตอยู่ การมองเห็นของเธอก็เริ่มพร่ามัวลง
ความโกรธเดือดพล่านยิ่งขึ้นเมื่อติวเตอร์เห็นว่าเธอยืนนิ่งอยู่ เธอจึงผลักแอเรียน “ฉันบอกว่าให้เธอไปเอากระดานวาดรูปมาไง หูหนวกหรือไง?!”
แรงผลักทำให้แอเรียนล้มลงที่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อทิฟฟานี่ออกมาเห็นฉากนั้น เธอจึงตะโกนไปทีนึง “คุณผลักเธอเพื่ออะไร!”
ติวเตอร์รู้สึกผิดจึงตอกกลับได้เพียงเบาๆ “ฉันแค่ผลักเธอเบา ๆ ใครจะไปรู้ล่ะ…”
ทิฟฟานี่ก้มลงเพื่อช่วยแอเรียนแต่เธอก็ยังตะโกนใส่ติวเตอร์ว่า “ถึงเวลาของคุณแล้วล่ะ ฉันบอกคุณให้นะ นี่คือการลงโทษทางกาย คุณไม่สมควรจะเป็นผู้ให้ความรู้!”
ติวเตอร์รู้สึกผิด “ตัวเธอทำจากกระดาษหรือไง? เป็นไปได้หรือไงที่จะมีใครล้มเพราะแค่การผลักเบา ๆ ทิฟฟานี่ เลน อย่ามากล่าวหากันทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเลย แอเรียน วินน์ เธอก็หยุดเสแสร้งได้แล้ว จะแสดงให้ใครดูกันฮะ?”
ความขัดแย้งที่เดือดพล่านตรงทางเดินนั้นโดนเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งติวเตอร์และทิฟฟานี่ เลน ยังคงทะเลาะกันในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งมองไปรอบทางเดิน คณบดีที่นำคณะผู้ติดตามมารู้สึกสลดใจอย่างมาก เข้าได้ส่งบันทึกมาแล้วว่ามาร์ค เทรมอนต์ จะมาวันนี้และจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด
มาร์ค เทรมอนน์ ดูแตกต่างออกไปเมื่อเขามองไปที่แอเรียนอย่างอ้อยอิ่ง และแววตาดุดันขึ้นเมื่อจ้องมองไปที่ติวเตอร์
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ฉันไม่เป็นอะไร ทิฟ ช่วยฉันถือกระดานหน่อย” แอเรียนกล่าวอย่างอ่อนแรง
ทิฟฟานี่กล้ำกลืนความโกรธของเธอและเดินกลับไปยังห้องเรียนอีกครั้ง ติวเตอร์ยังคงหงุดหงิดและผลักเข้าที่แอเรียนอีกครั้ง “เป็นดอกไม้อันแสนบอบบางไม่ใช่เหรอ? ไหนลองล้มให้ดูอีกทีซิ!”
ครั้งนี้เธอผลักแรงมากกว่าครั้งที่แล้ว
แอเรียนไม่สามารถพูดอะไรได้เนื่องจากความปวดทรมาน การมองเห็นของเธอพร่ามัวจนเป็นมืดดำขณะที่เธอพยายามจะอดทนประคองตัวเองเอาไว้
วินาทีนั้นเองแขนนึงโอบกอดเข้าที่ตัวเธอไว้ กำลังของเธอหมดลง เมื่อกลิ่นที่คุ้นเคยของคนๆนั้นเติมเต็มความรู้สึกของเธอ
“มาร์ค เทรมอนต์” เธอพึมพำ ใบหน้าที่เกรี้ยวกราดและกรามอันคมกริบของเขาปรากฎต่อสายตาที่พร่ามัวของเธอ ก่อนที่เธอจะถามเขาได้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ สายตาของเธอมืดมิดสนิทลงก่อนที่เธอจะหมดสติและล้มลงไป
เมื่อเห็นชายที่ปรากฏตัวออกมาซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใด ติวเตอร์รู้สึกหวาดกลัวกับออร่าอันเยือกเย็นของเขา เธอถึงกับหน้าซีดลง
เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปหลังจากที่อุ้มหญิงสาวร่างบางขึ้นมาจากพื้น การแสดงออกของเขานั้นน่ากลัวและบึ้งตึงขณะที่ความโกรธในแววตาของเขามันสามารถที่จะปะทุออกมาที่ทุกเมื่อ
คณบดีซึ่งตามมาทีหลังถึงกับหน้าซีดและจ้องมองไปที่ติวเตอร์ด้วยความโกรธเครือง “สิ่งที่คุณทำนั้นทำให้ผมต้องตกที่นั่งลำบาก”
ทั้งหมดที่ทิฟฟานี่เห็นเมื่อเธอเดินออกมาคือ ชายผู้นั้นได้อุ้มแอเรียน วินน์ แล้วเดินหายไปจากมุมของทางเดิน คณบดีติเตือนติวเตอร์แล้วรีบตามทางเขาไป
เมื่อทิฟฟานี่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็ผลักติวเตอร์บ้างแล้วพูดว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
หลังจากนั้นเธอก็วิ่งตามพวกเขาไป
มาร์ค เทรมอนต์ นั่งรออยู่ทางด้านนอกของห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล เขาคอตกเล็กน้อย บรรยากาศที่ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งนั้นมาจากความรู้สึกของเขาที่เปล่งออกมา มันช่างอ้างว้างและเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
คณบดีและทิฟฟานี่เดินไปมาอย่างกระวนกระวายข้างๆเขา ทันใดนั้นมาร์ค เทรมอนต์ ก็พูดขึ้นมาว่า
“ติวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเซาธ์ไลน์ค่อนข้างจะ ‘ไม่เหมือนใครนะ’ ”