บทที่ 10: เธอเป็นใครถึงมาแตะต้องผม!
ประสบการณ์ของคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แต่ดวงตาคนไม่เคยเปลี่ยน
มากกว่านั้น ในคืนนั้น ดวงตาของชายคนนั้นได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอ
แม้ตอนนี้เขาจะสวมหน้ากาก แต่เธอก็ยังจำเขาได้เพียงแค่ชำเลืองมอง...
“เร็วเข้า สาวน้อย!” แชนนอน เกตส์พูดกับเธอในขณะที่เขากดปุ่มลิฟต์
และชายคนนั้นก็เดินนำเข้าไปในลิฟต์แล้ว
ร่างสูงของเขาผนวกกับออร่าเย็นเยียบของเขา ทำให้เขาเข้าถึงยากเหมือนเช่นเคย
ในลิฟต์ยังมีที่ว่าง
ชินี เยลส์ ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอไอเพื่อกลบเกลื่อนน้ำเสียงหวาดหวั่นของตนและพูดว่า "เอ่อ ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ คุณไปก่อน..."
“เร็วเข้า ประตูลิฟต์กำลังจะปิดแล้ว” แชนนอนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เมื่อเห็นว่าเธอสับสน เขาจึงรีบวิ่งมาคว้าข้อมือเธอแล้วลากเธอเข้ามา
ลิฟต์กำลังจะปิดในไม่ช้า
ชินีดูเหมือนจะหยุดหายใจกระทันหัน
มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเธอถึงมาอยู่ในลิฟต์?
เธอควรหาข้ออ้างที่จะออกไป!
แต่สายไปแล้ว ประตูลิฟต์ปิดลง ขณะที่เธอยังคงตกใจและสับสน...
ในลิฟต์มีคนไม่มาก
แต่อย่างไร ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอกลับรู้สึกกดดันอย่างเหลือทน กระทั่งจะหายใจยังลำบาก
ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ด้านข้างอย่างเยือกเย็น เขาไม่ได้ขยับเลยจากจุดที่เขายืนอยู่เลย
กลับกลายเป็นว่าเธอมายืนข้างๆ เขา...
เธอกวาดสายตาไปทั่วลิฟต์แล้วสูดลมหายใจลึก เสื้อแจ็คเก็ตของเธอแตะไปโดนเสื้อผ้าของเขา...
โดยไม่มีวี่แววมาก่อน เธอตัวสั่นและเท้าของเธอเริ่มขยับหนี...
“ชินีไม่ต้องกลัว เขาจะจำเธอไม่ได้...” เธอปลอบใจตัวเอง
เธอกัดริมฝีปากแล้วหันหน้าไปทางประตูลิฟต์
ทำไมไม่มีใครเข้าและออกจากลิฟต์บ้างนะ?
“ช่างเถอะ ฉันจะรีบออกไปทันทีที่ลิฟต์หยุด!” ชินีตัดสินใจแล้ว
ลิฟต์ไปถึงชั้นห้าพร้อมกับเสียง 'ติ๊ง' อันดัง เธอเตรียมพร้อมที่จะรีบออกจากลิฟต์ทันที
อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่ามีคนจำนวนมากที่รีบเร่งเข้ามาทันทีที่ประตูเปิดออก
ชินีผู้ซึ่งกำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ ถูกบีบให้กลับเข้ามา
“นี่ ฉันไม่ได้...”
ก่อนที่เธอจบประโยค ประตูลิฟต์ก็ปิดลงอีกครั้ง...
ชินีกัดริมฝีปากของเธออย่างช่วยไม่ได้ "นี่มันช่าง..."
ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นในลิฟต์
ทุกคนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
ชินีตระหนักว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 3 ขวบกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของผู้หญิงคนหนึ่ง เขายังเอื้อมมือไปดึงผมของผู้หญิงคนนั้น
“เท็ดดี้ หยุดนะ!” ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วและหยุดการกระทำของเด็กชาย
“ฮือออ ผมไม่อยากฉีดยา ฮือออ” เด็กชายร้องโหยหวน
“แต่หนูไม่สบาย!” เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นโกรธนิดหน่อย เธอจับมือเขาและไม่อยากให้เขาสร้างปัญหาเพิ่มอีกต่อไป
โดยไม่คาดคิด จู่ๆ เด็กชายก็เอนตัวหงายหลังและตะโกน
ชินีผงะ เธอเอื้อมมือไปประคองศีรษะของเด็กชายตามสัญชาตญาณ
"ขอบคุณค่ะ" แม่ของเด็กชายขอบคุณเธอทันที
“ยินดีค่ะ” เธอตอบ
“ใครอนุญาตให้เเธอแตะตัวผม” ทันใดนั้น เด็กชายก็จ้องมาที่เธอและกรีดร้องว่า "ผู้หญิงอีัปลักษณ์ เธอแตะต้องผมทำไม"
“เท็ดดี้ หนูหยาบคายแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวคนนั้นโกรธพลุ่งพล่าน
"ก็คนใส่หน้ากากน่าเกลียด" เมื่อเท็ดดี้พูดจบ เขาก็เอื้อมมือไปคว้าหน้ากากของเธอ “ใครขอให้เธอแตะตัวผม!”
ชินีประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะทันตอบสนอง เด็กชายก็ดึงหน้ากากของเธอออกแล้ว
ชินีปกปิดใบหน้าของเธอโดยจิตใต้สำนึกและเอื้อมมือไปเอาหน้ากากกลับคืนมา
แต่เด็กดื้อกลับชูหน้ากากขึ้นแล้วไม่ยอมคืน
“คืนเขาไปนะ เท็ดดี้!” แม่พยายามดึงหน้ากากคืนจากลูกชาย
“ไม่ให้หรอก!” เจ้าเด็กร้ายกาจเริ่มโกรธเมื่อเขาดันหน้ากากเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยตรง
ชินีไม่อยากเถียงกับเขาอีกต่อไป เธอรีบก้มศีรษะลงและหวังว่าเธอจะปกปิดตัวเองได้
“เถอะน่า ได้โปรดเปิดประตู...” เธอภาวนา
"ติ๊ง" ในที่สุดประตูก็เปิดออก
ฝูงชนที่อยู่ข้างหน้าเธอออกจากลิฟต์ทีละคน ชินียืนตัวตรงและปิดใบหน้าของเธอขณะที่เธอพยายามบีบทางของเธอไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ชินีไม่คิดว่าเจ้าเด็กซนจะจับผมหางม้าของเธออย่างกระทันหัน เขาดึงผมเธอไปด้านหลังอย่างแรง...
“อ๊า...” เธอตะโกน
ก่อนที่ชินีจะตอบสนอง เธอก็ล้มลงกับพื้น...
คนในลิฟต์สะดุ้ง ชินีลงไปกองกับพื้น มันต้องเจ็บมากแน่ๆ!
พวกเขาคาดว่าเธอคงจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่เกิดขึ้น
ตาของชินีปิดสนิท เตรียมพร้อมสำหรับความเจ็บปวดที่จะผ่านเข้ามายังร่างกาย แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้นเช่นกัน
หา?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น
บนพื้นมีกางเกงขายาวสีดำและเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำตัวหนึ่ง...
สีนั้นช่างดูคุ้นเคย...
ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มร้อนแรงคู่หนึ่งก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความพิศวง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าท้องไส้ขมวดเกร็งและตัวสั่นไปทั้งร่าง ...
“ญานี?” ผู้ชายคนนั้นอ้าปากค้าง
เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เจือด้วยความสงสัยดังก้องเข้ามาในหูของเธอ...