บทที่ 8
ในตอนแรกฮาร์วี่ย์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นโฮเวิร์ดแสดงพฤติกรรมออกมาเขาก็ส่ายหัวและไม่พูดอะไร แต่เขากลับเดินไปข้างๆเชอร์ลีย์และพูดว่า “เราไปด้วยกันไหม ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาในภายหลัง”
“นี่…” เชอร์ลีย์ลังเลเล็กน้อย เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮาร์วี่ย์ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย แต่เห็นได้ชัดว่าโฮเวิร์ดเป็นตัวหลักในคืนนี้ ถ้าเธอออกไปตอนนี้มันจะไม่ขัดใจโฮเวิร์ดหรือ?
อีกด้านหนึ่ง เมื่อโฮเวิร์ดเห็นว่าฮาร์วี่ย์ยังอยู่ที่นั่นและยังไปทำความสนิทสนมกับเชอร์ลีย์อีก ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น เขาจ้องมองไปที่อาร์วี่ย์ “ฮาร์วี่ย์ไม่เป็นไรถ้านายจะไสหัวออกไป แต่นี่นายยังจะพาเพื่อนร่วมชั้นคนสวยของเราไปกับนายด้วยงั้นหรอ นายคิดว่านายเป็นใคร? นายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จงั้นเหรอ? อย่าลืมสิ! นายเป็นลูกเขยที่ขออาศัยเขาอยู่แค่นั้น และเรารู้สึกอับอายมากที่มีเพื่อนร่วมชั้นแบบนาย!”
"ใช่เลย! เพื่อนร่วมชั้นทุกคนประสบความสำเร็จทั้งกันนั้น คุณนี่มันน่าขายหน้าจริง ๆ!”
“อย่าชักช้าและไสหัวออกไปซะ! เชอร์ลีย์ เขาเป็นแค่ลูกเขยที่ไปขออาศัยบ้านคนอื่นอยู่ คุณอย่าไปหลงกลเขานะ!”
โฮเวิร์ดที่เป็นตัวหลักในค่ำคืนนี้ และเพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ก็อยู่ในวงสังคมมาสองสามปี พวกเขาไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นหรอก แต่ทุกคนนั้นประจบเก่ง ในช่วงเวลานี้พวกเขาทุกคนกลับดูถูกฮาร์วี่ย์อย่างหยาบคาย
ฮาร์วี่ย์ขมวดคิ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าเชอร์ลี่ย์จะมีปัญหาในภายหลัง เขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีก
ขณะเดียวกันโฮเวิร์ดเห็นฮาร์วีย์ยังคงไม่ออกไปและเขาก็รู้สึกเสียหน้า เขาหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วโยนลงบนโต๊ะอาหาร เขาแสยะยิ้มออกมา “น้อง เก็บเงิน ถ้ามีใครไม่ยอมแพ้ละก็ ฉันจะให้เขาเห็นว่าเขาไม่มีทางจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ได้เลยในชีวิต!”
หลายคนอ้าปากค้างหลังจากเห็นท่าทีของโฮเวิร์ด
บัตรเงินงั้นหรอ! เฉพาะคนที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์เท่านั้นที่สามารถสมัครได้
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าโฮเวิร์ดจะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย รูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
ในทางกลับกันฮาร์วี่ย์นั้นยากจนและเป็นคนขี้แพ้ ทำไมช่องว่างระหว่างคนสองคนจะเหลื่อมล้ำกันมากขนาดนี้?
แน่นอนว่าแม้แต่เวนดี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่โฮเวิร์ดหลายครั้งเมื่อเธอเห็นบัตรสีเงินใบนี้ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถมากทีเดียว
โฮเวิร์ดรู้สึกดีใจเมื่อได้เห็นแววตาที่ชื่นชมนั่น เขาจ้องไปที่ฮาร์วี่ย์และพูดต่อ “ไม่ล่ะ จู่ๆ ฉันก็อยากเปลี่ยนใจ น้อง แบ่งจ่ายกันคนละครึ่ง ครึ่งหนึ่งเป็นของเขาและส่วนที่เหลือจะเป็นของฉัน ช่วยฉันแยกบิลออกเป็นสองใบ”
บริกรพยักหน้าแล้วเดินจากไป
เชอร์ลีย์รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดกับฮาร์วี่ย์ในขณะนี้ จะไม่ดีไปกว่าเหรอถ้าเขาออกไปตอนนี้ ค่าอาหารสำหรับคืนนี้มีน่าจะหลายหมื่น เฉลี่ยต่อคนคงจะมากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ ฮาร์วี่ย์จะมีเงินจ่ายงั้นหรอ?
เชอร์ลีย์ถอนหายใจเมื่อเธอคิดถึงตรงนี้ เธอหยิบบัตรเครดิตธนาคารของเธอออกมาอย่างเงียบๆ เธอต้องช่วยจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้ฮาร์วี่ย์เพื่อไม่ให้เขารุ้สึกอับอาย
ในขณะเดียวกัน บริกรก็เดินถือบัตรมาพร้อมกับผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการเข้าในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
บริกรโค้งคำนับอย่างสุภาพให้โฮเวิร์ดเพื่อเป็นการขอโทษและกล่าวว่า “คุณผู้ชายครับ ผมต้องขอโทษด้วยครับยอดเงินในบัตรของคุณไม่เพียงพอ”
โฮเวิร์ดอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด “คุณล้อเล่นเหรอ! ฉันยังมีเงินอยู่ในบัตรอีกหลายล้านคุณจะบอกได้อย่างไรว่ายอดเงินไม่เพียงพอ?!”
"ครับท่าน ผมต้องขอโทษด้วยครับ ค่าอาหารสำหรับคืนนี้ประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์ คุณยังต้องจ่ายอีก 1.7 ล้านดอลลาร์หลังจากหักอีกส่วนหนึ่งของคุณผู้ชายคนนี้…”
“บ้าเอ๊ย…”
ฮาร์วี่ย์แทบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินยอดเงินนั่น แต่มันดูจะไม่สุภาพ
โฮเวิร์ดนี้เป็นปัญญาอ่อนเสียจริง แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ราคาของไวน์สองขวดที่พนักงานเสิร์ฟยกมา แต่ฮาร์วี่ย์ก็รู้เรื่องนี้ดี
มันเป็นไวน์ Eden XIII ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นไวน์ต้นตำรับของราชวงศ์ของฝรั่งเศสโดยมีราคาประมาณแปดแสนดอลลาร์ และเมื่อกี้นั้นโฮเวิร์ดได้สั่งซื้อไปสองขวด และนั่นราคาก็สูงกว่า 1.6 ล้านดอลลาร์แล้ว
ฮาเวิร์ดตกใจ เขาชี้ไปที่บริกรและพูดว่า "คุณล้อฉันเล่นหรือเปล่า? นี่เรามีกันไม่ถึงยี่สิบคน เราจะใช้เงินเกือบสองล้านเหรียญได้อย่างไร? พาผู้จัดการของคุณมาที่นี่ ฉันอยากรู้จริงๆว่าโรงแรมของคุณขี้โกงแค่ไหน!”
บริกรถอนหายใจ เขาคาดคิดเอาไว้แล้ว จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังและพูดว่า "นี่คือผู้จัดการของเราครับ"
“ดี!” ฮาเวิร์ดตะเบ็งเสียงขณะจ้องไปที่ผู้จัดการที่แต่งตัวเรียบร้อยตรงหน้าเขา “คุณคิดจะลาออกจากงานงั้นหรือ? ทำไมค่าอาหารมันเป็นหนึ่งแสนดอลลาร์ได้อย่างไร? คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ลูกพี่ลูกน้องของฉันคือดอน แซนเดอร์นะ!”
ผู้จัดการไม่ได้ตื่นตระหนกรีบร้อนใดๆ เขาพูดอย่างช้าๆ “คุณผู้ชายครับ ผมต้องขอโทษ ด้วย ที่จริงมื้อนี้นั้นประมาณหมื่นดอลลาร์เท่านั้น แต่เมื่อครู่นี้คุณผู้ชายสั่งไวน์ Eden XIII ซึ่งเป็นไวน์ชั้นนำของฝรั่งเศสสองขวด แต่ละขวดมีราคาแปดแสนแปดหมื่นดอลลาร์ ซึ่งนั่นคุณผู้ชายต้องจ่ายทั้งหมด 1.76 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์รวมค่าอาหาร แต่เนื่องจากคุณเป็นลูกพี่ลูกน้องของมิสเตอร์แซนเดอร์เราจึงปัดเศษขึ้น…”
“เชื่อไหมว่าผมอยากจะฆ่าคุณ!” ฮาเวิร์ดโกรธมาก เขาคว้าคอเสื้อผู้จัดการ “คุณมีไวน์ราคาแปดแสนเหรียญงั้นหรอ? แม้ว่าคุณจะมีมัน แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมต้องการไวน์ราคาแพงขนาดนั้น ผมจะโทรหาตำรวจ!”
ผู้จัดการสงบสติอารมณ์และค่อยๆปัดมือโฮเวิร์ดออกไป
เขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาหลายปี ดังนั้นเขาจึงเคยเห็นคนทุกประเภทในนิอัมมี่มาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนที่ไม่มีเงิน แต่ยังคงแสร้งทำเป็นร่ำรวย
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณผู้ชายครับ ผมขออธิบายให้คุณฟัง อันดับแรกเราได้จัดหาไวน์ที่ดีที่สุดที่คุณร้องขอ ประการที่สองบริกรของเราต้องการเตือนคุณในเรื่องของราคาถึงสองครั้ง แต่คุณไม่สนใจ ประการที่สามสิ่งเหล่านี้กำลังถูกบันทึกไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงมีหลักฐานและหากคุณต้องการเรียกตำรวจ คุณสามารถทำได้ครับ "
แปะ แปะ…
ผู้จัดการตบมือเบาๆ หลังจากพูดจบ
ปึก! ประตูห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวถูกเตะเปิดออก ชายร่างท้วมใหญ่ใส่เสื้อกล้ามหลายคนเข้ามายังข้างใน พวกเขาดูโหดร้ายและน่ากลัว
เมื่อหน่วยรักษาความปลอดภัยไปรายงานเขาเมื่อกี้นี้ เขารู้สึกได้แล้วว่ามีใครบางคนกำลังทำให้เกิดปัญหาเขาจึงนำบอดี้การ์ดมาด้วย
โฮเวิร์ดเหงื่อแตกพลั่กและตัวสั่นเทา จากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดว่า “เจ้านายของคุณอยู่ที่ไหน? ฉันอยากเห็นเจ้านายของคุณ! คุณกำลังทำ “ธุรกิจสีดำ” !”
“งั้นคุณหมายความว่าผมเปิด “ธุรกิจสีดำ”งั้นหรอ”
ชายหนุ่มที่มีหุ่นล่ำบึ้กสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวถือลูกบอลบริหารข้อมือสองลูกไว้ในมือ เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
เขาสวมแว่นตากรอบสีทองดูน่าเกรงขาม แต่ก็ดูโหดร้ายในเวลาเดียวกัน การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกคนอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว
ไทสัน วูดส์ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแพลตตินั่ม เขาถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลชนชั้นนำในนิอัมมี่ และโรงแรมแพลตตินั่มแห่งนี้เป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของเขา
เดิมโฮเวิร์ดอยากจะด่าสาปแช่งอกมา แต่เหงื่อของเขายังคงแตกพลั่กไหลหยดอยู่ในขณะนี้ นี่คือ ไทสัน วูดส์ เชียวนะ! เขาเป็นคนที่มีโปรไฟล์สูงมาก!
เมื่อกี้นี้เขาทำเกินไป ที่บอกว่าดอนกับไทสันเป็นเพื่อนกัน เขารู้ว่าดอนไม่ได้เป็นอะไรกับไทสันเลย
โฮเวิร์ดเป็นเพียงเด็กหนุ่มชนชั้นคนทำงาน เขากล้ามายุ่งเกี่ยวกับไทสันได้อย่างไร?
ผู้จัดการพูดอย่างเย็นชาหลังจากเห็นเจ้านายมาถึง “คุณผู้ชายครับ คุณมีบัตรสีเงินแถมยังมีกุญแจรถ Audi อีก ผมเดาว่าคุณไม่ใช่คนที่จะจ่ายบิลค่าอาหารนี้ไม่ได้หรอกนะครับ คุณขอไวน์ที่ดีที่สุดด้วยตัวเองและต้องการสองขวด ตอนนี้คุณกลับปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน”
“เปล่านะ! ผมไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก!” โฮเวิร์ดพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “เราจะจ่าย เราจะจ่ายเงินให้!”
เขามองเพื่อนร่วมชั้นอย่างขอความช่วยเหลือ เขาเหลือเงินในบัตรเพียงล้านดอลลาร์เท่านั้น นี่เป็นโชคลาภทั้งหมดที่เขาทำงานหนักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เขาซื้อรถ Audi ผ่านสินเชื่อผ่อนชำระ แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะควักเงิน 2 ล้านดอลลาร์จ่ายด้วยตัวเอง?
เพื่อนร่วมชั้นที่ประจบเขาในตอนแรกนั้น ตอนนี้ต่างก็เสมองไปทางอื่น ‘เมื่อกี้คุณอยากอวดและสั่งไวน์ที่แพงที่สุดไปเอง แล้วนี่อะไร? ตอนนี้คุณต้องการให้เราช่วยจ่ายงั้นหรอ?ไม่มีทาง! ’
ไทสันมองออกผ่านความคิดของพวกเขาทันที เขาค่อยๆ เข้าไปหาโอเวิร์ดอย่างช้าๆ แล้วตบหน้าโฮเวิร์ดไปถึงสองครั้ง จากนั้นเขาก็พูดว่า “เด้กน้อย ถ้านายไม่มีเงินอย่าเสแสร้งแกล้งทำว่ารวย ทำตัวต่ำ ๆ ให้สมฐานะจะดีกว่านะ โอเค?”
"ใช่ ใช่ ใช่…"
“คืนนี้นายไม่ต้องจ่าย” ไทสันยิ้ม “แต่มีเงื่อนไข…”
“ได้เลยครับ บอกมาเลย!ได้โปรด! ฉันจะทำให้ดีที่สุด…” โฮเวิร์ดพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ไทสันยิ้มอย่างชั่วร้าย “ ให้เธอและหล่อนไปกับฉันคืนนี้”
เขาจ้องมองไปที่เวนดี้และเชอร์ลีย์ สาวสองคนนี้คนหนึ่งเซ็กซี่และอีกคนดูบริสุทธิ์ผุดพ่อง