บทที่ 6
“ดอน?”
ฮาร์วี่ย์ชะงักไปชั่วขณะ แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาพลางคิดในใจ ‘ผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้เพียงแค่สุนัขรับใช้ที่ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์เลี้ยงไว้เท่านั้น ก็แค่รอจังหวะที่มันจะถูกเตะออกไปเท่านั้น’
“คุณแม่ครับ ผมจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเราจะหย่ากัน แต่นี่ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของคุณแม่ ผมหวังว่าคุณแม่จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของเรา” ฮาร์วี่ย์หัวเราะเบาๆอย่างสะใจ พูดจบเขาก็ขี่จักรยานไฟฟ้าคู่ใจจากไป
“ไอ้ฮาร์วี่ย์ ไอ้คนไร้ค่า!” ลิเลียนตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เธอเกือบตัดสินใจขับรถของเธอทับฮาร์วี่ย์แล้วเชียว ถึงอย่างนั้นเธอทำได้เพียงแค่ระงับความโกรธและขับออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่สังเกตุเห็นฝูงชนรายล้อมมองดูอยู่
…
ในช่วงเวลาหลังเลิกงานแล้ว แมนดี้เดินไปที่แผนกต้อนรับของบริษัท
เธอก็เห็นผู้หญิงสองคนหัวเราะคิกคักกันไปมาเหมือนมีพูดคุยเรื่องน่าขันอะไรมากอย่างนั้น แถมยังมีพนักงานหลายคนกำลังดูอยู่พวกหล่อนสองคนอยู่เช่นกัน
“สามีของคุณซิมเมอร์เขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลยนะ เขาบอกว่าจะมอบดอกกุหลาบจากปรากให้เธอ เขากล้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร? เขาไม่ได้มองตัวเองในกระจกเลยเหรอ? ดูแค่รถจักรยานไฟฟ้าที่เขาขี่สิ แม้แต่รองเท้าแตะของเขาก็เก่าซะจนใช้งานไม่ได้แล้ว ผู้ชายอย่างเขาควรไปขออาหารชาวบ้านแทนซะยังดีกว่า…”
“ใช่ ไม่รู้ทำไมคุณซิมเมอร์ถึงไปเลือกผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องอะไรแบบนั้น”
“ถ้าเขาไม่ใช่คนขี้แพ้ เขาคงไม่ได้เป็นแค่ลูกเขยที่มาขออาศัยอยู่หรอก!”
“ถ้าเป็นฉัน ฉันคงหย่ากับเขาไปนานแล้ว…”
“มีที่สนใจและกำลังตามจีบนายหญิงตั้งมากมาย …”
แมนดี้ได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออก
“พวกเธอ...” แมนดี้เมื่อเธอได้ยินความคิดของพวกหล่อนเหล่านี้ เธอกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอแน่นพร้อมใบหน้าที่มีแดงก่ำราวกับว่าเธอเป็นไข้ เธอรู้สึกอายเหลือเกิน
“นายหญิงซิมเมอร์…” พนักงานประจำแผนกต้อนรับทั้งสองคนดูหวาดกลัวเมื่อเพิ่งจะสังเกตเห็นแมนดี้ยืนอยู่ตรงนี้
“นายหญิงซิมเมอร์ พวกเราแค่พูดเรื่องไร้สาระ ได้โปรดอย่าโกรธพวกเราเลยนะคะ...”
"หุบปาก!" แมนดี้ตวาดลั่นด้วยเสียงที่ดัง ในขณะที่ร่างกายของเธอก็สั่นเทาไปด้วยความโกรธ
ตาของเธอเป็นสีแดงและเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ ทำไมเธอถึงมีสามีที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีค่าอะไรเช่นนี้?
สามีของคนอื่นเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีชนชั้นสูงหรือมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ดูสามีของเธอสิ ไม่มีอะไรดีเลย เป็นลูกเขยในนามเท่านั้น ไม่เพียงแค่เขาไม่สามารถที่จะดูแลปกป้องเธอได้ เขายังทำให้เธอเสียหน้าต่อหน้าคนอื่นเสมอ
ในขณะเดียวกัน เสียงโทรศัพท์ที่แผนกต้อนรับก็ดังขึ้น พนักงานสาวที่ยังคงตื่นตกใจรับโทรศัพท์และพูดเสียงเบาๆ ว่า “นายหญิงซิมเมอร์คะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งว่ามีรถบรรทุกสินค้าจากบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งจะเข้ามาส่งสินค้าให้นายหญิงค่ะ อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาไหมคะ”
"ของฉันเหรอ?" แมนดี้ผงะไปชั่วขณะ เธอไม่ได้สั่งซื้ออะไรเลยนะ แต่เธอก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
จากนั้นไม่นาน เธอก็เห็นชายหนุ่มที่หน้าตาสวมสูทหรูหราหน้าตาหล่อเหลาดูดีเหมือนพวกผู้ดีชั้นสูงเดินเข้ามาด้านใน
เขากล่าวด้วยความสุภาพว่า “คุณคือคุณซิมเมอร์ใช่ไหมครับ พวกเรามาจากบริษัทบริการจัดส่งสินค้าด่วนทั่วโลกครับ นี่เป็นสินค้าที่ส่งตรงมาจากปราก โปรดเซ็นรับตรงนี้นะครับ”
“ปราก?!” แมนดี้เซ็นเสร็จด้วยท่าทางประหลาดใจปนตกใจ เป็นอย่างมาก ในขณะที่ชายหนุ่มก็โบกมือให้พนักงานขนของสองสามคนยกกล่องไม้ที่สวยงามระดับไฮเอนด์ และพวกเขาก็วางลงอย่างระมัดระวังที่ล็อบบี้
ด้านบนของกล่องประดับด้วยคริสตัลแวววาวที่พร่างพราวภายใต้แสงไฟ
สายตาของพนักงานทุกคนเบิกกว้าง
"ว้าว! นี่มาจากปรากจริงๆใช่ไหม”
“แล้วกล่องใบนี้สวยงดงามมากเลยค่ะ มีอะไรอยู่ในนั้นน่ะ”
“คุณซิมเมอร์คะ ช่วยเปิดให้พวกเราดูได้ไหมค่ะ”
ส่วนใหญ่เป็นพนักงานหญิงในบริษัทที่ดูตื่นเต้นอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องนั้น ในขณะนี้พนักงานทุกคนต่างตั้งตาคอยรอดูว่าข้างในกล่องนั้นคืออะไรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
แม้ว่าแมนดี้จะรู้สึกงงงวย แต่เธอก็สั่งให้ชายหนุ่มนั้นเปิดกล่องไม้หลังจากที่เห็นทุกคนดูจะตื่นเต้นกับมันมาก
แต่ในวินาทีต่อมาทุกคนต้องตกตะลึงและนิ่งเงียบไปหลายนาที
“นี่…นี่คือดอกกุหลาบจากปราก…”
"คุณแน่ใจใช่ไหมคะ? มีข่าวออกมาที่พูดถึงผลผลิตกุหลาบปีนี้ของปรากลดลงไม่ใช่หรือคะ? แล้วจะมีกุหลาบมากมายในกล่องนี้ได้อย่างไร”
ชายหนุ่มรูปงามที่เห็นสาวๆ ยืนลุ้นอย่างตื่นเต้น จากนั้นเขาก็ยิ้มและชี้ไปที่ช่อดอกกุหลาบ เขาก็กล่าวขึ้นมาด้วยความสุภาพว่า “คุณซิมเมอร์ ผมขออนุญาตแนะนำ…”
“นี่คือดอกกุหลาบจากปราก ทุกคนน่าจะรู้ว่านี่คือกุหลาบที่ดีที่สุดในปีนี้”
“แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุด มาดูตรงนี้สิครับ...”
ชายหนุ่มชี้ไปที่ตรงกลางของช่อดอกกุหลาบขนาดใหญ่ ซึ่งมีดอกกุหลาบขนาดเล็กที่มีขนาดเท่าเข็มกลัดเท่านั้น
แต่ถ้าหากได้มองใกล้ๆ ก็จะพบว่ามันไม่ใช่ดอกกุหลาบ แต่กลับถูกล้อมด้วยเพชรและอัญมณีหลากสี
“หัวใจของปราก!” แมนดี้ตกใจมาก เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝัน
หัวใจของปรากได้รับการออกแบบและแกะสลักโดยปรมาจารย์ด้านศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงปราก นี่เป็นหนึ่งเดียวในโลก มันเป็นเอกลักษณ์มาก นอกจากนี้สิ่งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของปราก แม้ว่ามันจะมีมูลค่ามาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อขายได้ ในวันนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนส่งมันมาให้เธอ
"ว้าว! ใครกันคะที่ส่งของพวกนี้มาให้คุณซิมเมอร์”
“คุณซิมเมอร์ ต้องเป็นแฟนของคุณแน่เลยค่ะ!”
“มันช่างดูเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการมากเลยค่ะ หรือว่าคุณแซนเดอร์จะส่งมาให้คะ”
“แต่สามีที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นเขาพูดไว้ว่าจะส่งดอกกุหลาบจากปรากให้คุณซิมเมอร์ไม่ใช่หรือ?”
“งี่เง่าหนะ เธอทำให้ฉันขำนะ เขาจะซื้อดอกกุหลาบเหล่านั้นได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าเขาจะขายตัว คนอย่างเขาก็ยังไม่สามารถซื้อมันได้เลย!”
แมนดี้ได้แต่ตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ใครกันน่ะที่ส่งดอกกุหลาบจากปรากทั้งยังส่งหัวใจของปรากให้เธออีกด้วย?”
แมนดี้ไม่ได้คิดว่าจะเป็นฮาร์วี่ย์เลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของเขาเป็นอย่างดี เธอมักจะให้เงินค่าขนมแก่เขา เขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะซื้อดอกกุหลาบธรรมดาได้นับประสาอะไรกับกุหลาบจากปราก เขาคงไม่สามารถซื้อได้เช่นกัน
เป็นไปได้ไหม…ว่าดอนจะเป็นคนส่งมา?
หัวใจของแมนดี้เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ - เธอแสดงอาการเขินอายเล็กน้อย
…
ณ โรงแรมแพลตตินัม ในเมืองนิอัมมี่
โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านความบันเทิงในเมืองนิอัมมี่ แน่นอนว่าราคามันต้องสูงอย่างแน่นอน ว่ากันว่าคนที่เข้าใช้บริการที่นี่ได้นั้นต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมาก ดังนั้นจึงเห็นว่ามีรถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูหน้าโรงแรม
งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนร่วมรุ่นของฮาร์วี่ย์ในครั้งนี้ก็จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งนี้เช่นเดียวกัน
ฮาร์วี่ย์ฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข เขาจอดจักรยานไฟฟ้าของเขาในช่องจอดรถที่ประตูทางเข้า แม้ว่าตอนนี้เขาจะร่ำรวยมากขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังนึกถึงมัน จักรยานไฟฟ้าคันนี้อยู่กับเขามาสามปีแล้ว เขาไม่สามารถที่จะทิ้งมันได้
ในระหว่างที่เข่กำลังจอดรถตักรยานไฟฟ้าอยู่นั้นก็มีเสียงแตรดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา
“ไอ้โง่เอ้ย! นายเป็นคนส่งของหรือพนักงานจอดรถหะ? นายไม่รู้กฎหรือไง? นายกล้าใช้พื้นที่จอดรถจอดจักรยานไฟฟ้าเก่าๆนี้ได้อย่างไร? นายจะบ้าไปแล้วหรอ!”
เสียงตะโกนจากชายคนหนึ่งยื่นศีรษะออกมาจากรถ Audi A4 ที่จอดอยู่ข้างหลังของฮาร์วี่ย์ แล้วเขายังชี้นิ้วไปยังฮาร์วี่ย์อีกด้วย
ฮาร์วี่ย์หันกลับไปมอง ทั้งสองคนต่างชะงักค้างไปชั่วขณะ
“หัวหน้าห้องงั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์โต้ตอบ คนนี้คือเพื่อนร่วมชั้นของเขาซึ่งเขาเคยเป้นหัวหน้าห้องมาหลายปี