บทที่ 15
แมนดี้ที่รู้สึกแปลก ๆ ในตอนแรกรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจในขณะนี้ ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นในใจของเธอ
เธอมีความรู้สึกว่าเมื่อวานนี้ดอนส่งดอกกุหลาบให้เธอ และตอนนี้ดอนยอมรับมันเธอคิดถูกจริงๆ
เธอไม่เคยคิดว่าดอนจะทำตามที่พูด เขาเพิ่งพูดถึงดอกกุหลาบจากปรากเมื่อเช้าวานนี้ จากนั้นดอกกุหลาบก็ถูกส่งไปให้เธอในช่วงบ่ายและยังมีหัวใจแห่งปรากอยู่ด้วย
สิ่งนี้มันไม่สามารถหาได้ง่ายๆ อย่างนั้นเขาคงวางแผนเรื่องนี้กับเธอมานานแล้วใช่ไหม?
แม้ว่าแมนดี้จะรู้ดีว่าเธอไม่สามารถตกลงแต่งงานครั้งนี้ได้เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่เธอก็ยังคงหวั่นไหวและอาย
“เฮ้ พวกคุณเห็นหรือยัง? ท่าทางของฮาร์วี่ย์ช่างน่าตลกสิ้นดี! เขาดูตกใจมาก! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
แซ็คยืนขึ้นชี้ไปยังฮาร์วี่ย์และหัวเราะออกมา
หลายคนหันไปมองท่าทางของฮาร์วีย์หลังจากได้ยินแซ็คพูดออกมา
ใบหน้าของฮาร์วี่ย์ในตอนนี้ดูเคร่งครึมมาก ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะดอนช่างไร้ยางอายเกินไป เขาแสร้งว่าเป็นผู้ส่งและทำทุกอย่างด้วยความพยายามของเขา เขาไม่กลัวว่ามันจะถูกเปิดเผยความจริงเลยหรือ?
"มิสเตอร์แซนเดอร์ดูท่าทางของลูกเขยของเราสิ เขาดูเหมือนอยากจะต่อยคุณอย่างไรอย่างนั้นเลยนะ” แซ็คยังคงพูดต่อ
“เขากล้างั้นเหรอ? เขาเป็นคนขี้ขลาด ฉันไม่คิดว่าเขาจะกล้าแตะต้องมิสเตอร์แซนเดอร์เลยด้วยซ้ำ ใช่ไหม? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เขาไม่สมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของมิสเตอร์แซนเดอร์เลย หรือถ้าเขากล้าทำละก็ เราจะซ้อมตีเขาให้ตาย!”
"ทำไม? นายไม่กล้าที่จะพูดงั้นเหรอ? คุณกลัวใช่ไหม?" แซ็คหัวเราะ “ฮาร์วี่ย์ นายมันไอ้คนขี้แพ้ คืนนี้เขามาหาเมียนายนะแล้วนายไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาเลยงั้นหรือ นายแพ้แล้วงั้นเหรอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทุกคนรอบข้างหัวเราะเยาะเขาอย่างมีความสุขทันทีที่เขาพูดจบ
ใบหน้าของแมนดี้หม่นหมองลง เธอยังคงเป็นภรรยาเพียงในนามของฮาร์วี่ย์ ถ้าฮาร์วี่ย์ถูกทำให้อับอาย เธอก็ไม่ดีไปกว่าเขามากนัก ถ้าเธอรู้ว่าคืนนี้จะเป็นแบบนี้เธอคงไม่พาเขามาที่นี่
ลิเลียนที่อยู่ด้านข้างจ้องไปที่ฮาร์วี่ย์อย่างไม่สบอารมณ์ "ทำไม? แกยังโกรธอยู่งั้นเหรอ? ถ้าแกกล้าก่อปัญหาในคืนนี้เราจะได้เห็นดีกัน!”
“ฮาร์วี่ย์ ทำไมแกกลัวแม่ยายงั้นเหรอ? แกไม่กล้าที่จะพูดสักคำเลยงั้นสิ? เอาเถอะพูดความในใจของแกออกมา แกคิดยังไงกับเรื่องที่มิสเตอร์แซนเดอร์สู่ขอแมนดี้แต่งงานละ? พูดสิ่งที่อยู่ในใจแกออกมาซะ!”
แซ็คไม่ต้องการปล่อยฮาร์วี่ย์ไป เขาแค่อยากทำให้ฮาร์วี่ย์ดูตลกและอับอาย แซ็คสนุกกับมันไม่น้อยเลยทีเดียว
ฮาร์วี่ย์มองไปที่แซ็คหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา จากนั้นเขาก็พูดอย่างช้า ๆ “โอเค ถ้าคุณต้องการให้ผมพูด ผมก็จะพูด ผมจะพูดถึงเรื่องอื่น ๆ ในภายหลัง แต่ผมอยากจะบอกว่าเป็นผมเองที่ส่งหัวใจแห่งปรากให้แมนดี้ ผมไม่ยอมให้ใครมาแอบอ้างมันเด็ดขาด"
ทั้งคฤหาสน์อยู่ในความเงียบทันที ทุกคนจ้องไปที่ฮาร์วี่ย์ด้วยความไม่เชื่อราวกับว่าพวกเขาเห็นผี
“ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีใครบางคนเริ่มหัวเราะ จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขันกับเรื่องที่ได้ยิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กคนนี้ตลกมาก เขาบอกว่าเขาเป็นคนที่ซื้อหัวใจแห่งปรากงั้นเหรอ เขารู้ไหมว่าสิ่งนั้นมีมูลสูงแค่ไหน?”
“หลายคนบอกว่าเขาโง่ แต่ฉันไม่เชื่อ ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว เด็กคนนี้คงถูกหมูหมูเตะหัวมาแน่นอน!”
"โอ้วพระเจ้า! นายช่างไร้ยางอาย! นายกล้าพูดได้ยังไงว่าเป็นนาย ในเมื่อมิสเตอร์แซนเดอร์เป็นคนส่งมา…”
ท่ามกลางผู้คนมากมายมีเพียงตาของดอนที่กระตุกขึ้น เขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและยิ้มข้นมาอย่างรู้สึกสนุกสนานกับมันทันที
แซ็คกำลังทุบโต๊ะ หัวเราะชอบใจเอนหลังไปมา เขาหัวเราะและชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์ “ ฮาร์วี่ย์ นายอวดอ้างได้เก่งมาก บอกหน่อยเถอะว่าแกหงุดหงิดมิสเตอร์ดอนจนสมองทำงานผิดปกติไปหรือเปล่า? แกคิดว่าจะมีคนเชื่อแกไหม? เอาละ แม้ว่าฉันจะไม่เต็มใจเชื่อแก งั้นแกก็ต้องบอกฉันมาสิว่าแกได้มาจากไหน"
“ผมสั่งให้คนไปซื้อมา” ฮาร์วี่ย์พูดอย่างใจเย็น เขาขอให้คนตระกูลยอร์กส่งสิ่งนี้ไปให้
“แกสั่งให้คนซื้อมางั้นเหรอ” แซ็คพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ จากนั้นเขาก็พูดว่า "งั้นบอกฉันมา แกจ่ายไปเท่าไหร่"
"ฟรี มีคนให้ผมเพราะพวกเขาต้องการให้ผมช่วยเขาจัดการเรื่องบางเรื่อง” ฮาร์วี่ย์พูดออกมา
“มีคนขอความช่วยเหลือจากแกและมอบมันให้แกงั้นเหรอ” แซ็คเพิ่งตั้งสติได้และตอนนี้เขาเริ่มหัวเราะอีกครั้ง
ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนต่างหัวเราะออกมาอีกครั้ง!
ฮาร์วี่ย์คนนี้ช่างตลกจริง ๆ !
‘มีคนขอความช่วยเหลือจากเขาและมอบมันให้เขางั้นหรอ? เขาไม่เคยมองตัวเองในกระจกเลยสินะ ใครจะขอความช่วยเหลือจากคนที่โง่เง่าแบบเขากัน? ดูสารรูปเขาสิเขาทำอะไรได้บ้าง? ’
“บอกฉันสิ ว่าพวกเขาขอให้แกทำอะไร” แซ็คยังคงพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“เขาอยากให้ผมช่วยลงทุน” ฮาร์วี่ย์พูดตอบ “ให้กับ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์”
“เฮอะ…” แซ็คพ่นน้ำลายออกมา “ฮาร์วี่ย์ นี่แกคิดว่าแกเป็นส่วนหนึ่งของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ เพียงเพราะนามสกุลของแกคือ ยอร์ก งั้นเหรอ? นี่แกตื่นจากฝันหรือยัง”
ดอนเหลือบมองไปที่ฮาร์วี่ย์ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ไอ้ขี้แพ้ นี่นายกำลังบอกว่านายสามารถตัดสินใจเรื่องการใช้เงินทุนของบริษัทเรางั้นเหรอ? นายควรระวังคำพูดที่ออกมาจากปากนาย นายกล้าแสร้งทำเป็นติดต่อกับบริษัท ยอร์ก เอ็มเทอร์ไพรส์ของเราได้อย่างไร? นายคิดถึงสิ่งที่ตามมาหรือเปล่า”
“ผลที่ตามมางั้นเหรอ? ดอนคุณเป็นเพียงพนักงานระดับกลาง แล้วคุณยังโกงและหลอกลวงโดยใช้ชื่อของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ คุณเคยนั้นแหละเคยคิดถึงผลที่ตามมาหรือไม่” ฮาร์วี่ย์กล่าวอย่างเย็นชา
ดอนแสดงท่าทีเยาะเย้ย “แกเป็นไอขี้แพ้ แกเป็นเหมือนกบในบ่อน้ำและแกไม่รู้อะไรเลยสักนิด ตำแหน่งของฉันในบริษัทแกจะนึกไม่ถึงเชียวละ ฉันเป็นผู้จัดการโครงการของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ อย่างน้อยหนึ่งในสามของห้าพันล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ต้องผ่านฉันก่อนที่จะมีการดำเนินการลงทุน"
“ไอ้ขี้แพ้ แกเข้าใจทีฉันจะสื่อใช่ไหม” ดอนดูโกรธจัด “นั้นหมายความว่าฉันเป็นคนตัดสินใจการขึ้นสูงและลงต่ำของครอบครัวและธุรกิจมากมายในนิอัมมี่!”
แซ็คมองดอนด้วยความชื่นชม จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์และตะโกนด่าว่าเขา “ฮาร์วี่ย์! แกกล้าพูดโง่ ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อแกไม่รู้อะไรเลย? แกกำลังสร้างความอับอายและทำให้ตระกูลซิมเมอร์เสื่อมเสียชื่อเสียง!”
"มิสเตอร์แซนเดอร์เป็นกลุ่มคนมีอิทธิพลของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ แกจะมาแคลงใจกับตำแหน่งของเขาในบริษัทได้อย่างไร”
“ฮาร์วี่ย์ฉันแนะนำให้แกขอโทษมิสเตอร์แซนเดอร์ซะ มิฉะนั้นแกจะเจอกับปัญหาร้ายแรงตามมาแน่นอน!”
"มิสเตอร์แซนเดอร์ อย่าไปสนใจเขามากเกินไปเลย เขาไม่รู้ถึงตัวตนของคุณว่าสูงส่งแค่ไหน!”
“มีคุณอยู่ตรงนี้ มันทำให้ตระกูลซิมเมอร์ของเราได้รับเงินทุนสำหรับโครงการ... ”
ฮาร์วี่ย์ยังคงเงียบ
ฮาร์วี่ย์อดไม่ได้ที่จะแอบมองใบหน้าที่น่าขยะแขยงของคนในตระกูลซิมเมอร์ เขามองไปที่ดอนและพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าเงินห้าพันล้านดอลลาร์ที่จะใช้ในการลงทุนจะเป็นการตัดสินใจของประธานคนใหม่ของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ แต่เพียงผู้เดียว พนักงานระดับกลางอย่างคุณสามารถแทรกแซงเรื่องนี้ได้งั้นหรือ”
ดอนถูกเหยียดหยาม “แกล้งทำเป็นรู้เรื่องภายในบริษัทของเรางั้นเหรอ ฉันเป็นมือขวาของประธานคนใหม่ และฉันก็ได้รับความไว้วางใจจากเขามาก”
ดอนไม่เคยเห็นประธานคนใหม่เลยด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้ขัดขวางการแสดงอำนาจของดอนที่จะแสดงต่อหน้าคนในตระกูลซิมเมอร์เพราะเขารู้ว่าทุกคนไม่กล้าถามในสิ่งที่ดอนพูดแน่นอน
ฮาร์วี่ย์หัวเราะออกมาเสียงดัง “ประธานคนใหม่เชื่อใจคุณงั้นหรอ? ดอน คุณช่างโกหกเก่งเสียจริง!”
ดอนผงะ แม้แต่ครอบครัวซิมเมอร์ก็ยังไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับคำพูดของเขาเหตุใดลูกเขยคนนี้จึงดูเหมือนจะรู้ทุกอย่าง
เขามองฮาร์วี่ย์ขึ้น ๆ ลง ๆ หลายครั้ง เขามั่นใจว่าฮาร์วี่ย์ไม่มีวันรู้จักประธานคนใหม่ของเขาแน่นอน จากนั้นเขาก็พูดว่า “แกกำลังบอกว่านายรู้จักประธานคนใหม่ของเรางั้นเหรอ? แม้แต่ท่านซิมเมอร์ก็ยังไม่กล้าพูด ใครกันที่ทำให้แกกล้าให้เจ้ากล้าพูดแบบนี้”
"มิสเตอร์แซนเดอร์ โปรดอย่าใส่ใจเขาเขาเลย เขาไร้ยางอายเกินไปและยังไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตำแหน่งไหนด้วยซ้ำ!”
“เขาเสียติไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเขา”
“โอเค ดี ดี ดูท่าทางเขาสิ เขาอาจจะคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมมากงั้นสิ…”
"พอได้แล้ว!" ผู้อาวุโสซิมเมอร์ขมวดคิ้วมุ่น เขามองไปที่ฮาร์วี่ย์อย่างเย็นชา “ฮาร์วี่ย์ นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาพูดอะไรที่นี่ แกคิดว่าแกเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ออกไปจากที่นี่ซะ!"
“ใช่ ออกไปจากที่นี่ซะ! อย่าทำเรื่องเสียหน้าที่นี่!”
“แกกำลังทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตระกูลซิมเมอร์!”
ดอนยิ้มอย่างสะใจ เขาโบกมือให้ทุกคนหยุด จากนั้นเขาก็พูดว่า “ไอ้ขี้แพ้ วันนี้ฉันจะไม่รังแกแกหรอกนะ ฉันจะให้โอกาสแก... ”
“ถ้าแกสามารถบอกได้ว่าประธานคนใหม่ของบริษัทของเราคือใคร ฉันจะขอโทษแก! แต่…ถ้าแกบอกไม่ได้ละก็ วันนี้แกได้คลานออกจากประตูนี้แน่!”
ดอนจินตนาการได้เลยว่าฮาร์วี่ย์จะต้องคลานออกจากประตู หลังจากที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ ประธานคนใหม่เพิ่งจะเข้ามาบริหารบริษัทวันนี้และเขาก็ยังดูลึกลับมาก เขาเองก็ยังไม่ทราบชื่อของประธานคนใหม่เลยด้วยซ้ำ ฮาร์วี่ย์จะรู้ได้อย่างไร?
"มิสเตอร์แซนเดอร์คุณช่างมีเมตตา คุณให้โอกาสเขา ขอบคุณที่แสดงความเคารพต่อตระกูลซิมเมอร์ของเรา!”
“ฮาร์วี่ย์ อย่าทำตัวไร้ยางอาย รีบขอโทษมิสเตอร์แซนเดอร์ซะ!”
“ฮาร์วี่ย์ แกคิดว่าแกเป็นใคร!” ลิเลียนยืนขึ้นชี้ไปที่เขาและสาปแช่ง “ใครอนุญาตให้แกมาทำอะไร้ตามอำเภอใจที่นี้งั้นเหรอ? แกคิดว่าแกกำลังบินสูงเหนือคนอื่นหรือไง? แกกล้าชี้นิ้วที่นี่ได้อย่างไร? ออกไปเดี๋ยวนี้!"
ฮ่าฮ่าฮ่า!
คนรอบ ๆ ตัวเขาต่างพากันหัวเราะ แม้แต่แม่ยายก็ยังไม่ไว้หน้าเขา ลูกเขยแบบนี้ตายซะยังดีกว่า
หากเป็นในอดีตฮาร์วี่ย์คงจะขอโทษอย่างเชื่อฟัง
แต่ในตอนนี้ มุมปากของฮาร์วี่ย์ยกสูงขึ้น เขาจ้องมองลิเลียนอย่างเย็นชา
แมนดี้คิดว่ามันแปลก ๆ ไป เธออยู่กับฮาร์วี่ย์เป็นเวลาสามปี เขาอ่อนแอมาตลอด เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับฮาร์วี่ย์ในตอนนี้
ฮาร์วี่ย์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ และมองไปรอบ ๆ ใบหน้าที่น่าเกลียดเหล่านั้นทำให้เขาทนไม่ได้
เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณทุกคนไม่อยากรู้เหรอว่าประธานคนใหม่ของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์คือใคร?”
"โอเค! วันนี้ผมจะบอกพวกคุณเอง!”