บทที่ 10
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮาร์วี่ย์ที่ยังคงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนพร้อมกับผมยุ่งๆ ขี่รถจักรยานไฟฟ้าของเขาไปยังย่านธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในนิอัมมี่
ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ ตั้งอยู่ในทำเลทองที่ดีที่สุด
โยนาธานโทรหาเขาเมื่อคืนนี้และบอกว่าเขาได้ดำเนินการโอน ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ ให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เขาเข้ามาเซ็นเอกสารในวันนี้ บริษัทจะเป็นของเขาในทันที
ฮาร์วี่ย์ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาซื้อบริษัทมาด้วยเงินหมื่นล้านดอลลาร์ นั่นเป็นสาเหตุที่เขารีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าโดยไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำ
ฮาร์วี่ย์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาไปถึงบริษัท ไม่น่าแปลกใจที่มันเป็นพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในนิอัมมี่ มีรถหรูอยู่ทุกที่ เขาขี่รถจักรยานไฟฟ้ามาที่นี่ ถ้าเขาจอดจักรยานไว้เฉยๆมันอาจจะถูกยกออกไป
เขาขี่วนไปรอบๆ บริษัท และในที่สุดก็พบที่จอดรถที่ประตู จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเบรกดังขึ้นทันทีที่เขาจอดจักรยาน
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงโครมคราม รถจักรยานไฟฟ้าของเขาก็ลอยกระเด็นหลังจากถูกรถปอร์เช่ชน
"ให้ตายสิ!"
ฮาร์วี่ย์พูดไม่ออก รถจักรยานไฟฟ้าของเขาช่างโชคร้ายเหลือเกิน แบตเตอรี่ก็เพิ่งถูกขโมยไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาและตอนนี้ก็ถูกรถปอร์เช่ชน
ถึงอย่างนั้น ปอร์เช่เป็นรถหรู มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น แต่รถจักรยานไฟฟ้าของเขานี่สิถูกชนจากด้านหลัง และตอนนี้มันไม่สามารถขี่ได้แล้ว
‘จักรยานไฟฟ้าอยู่กับฉันมาสามปีเชียวนะ!’
ฮาร์วี่ย์อยากจะร้องไห้ เขาติดใจรถจักรยานไฟฟ้าคันนี้มาก
ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากออกมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การทำสีรถของปอร์เช่มีราคาสูงมาก ผู้ชายคนนี้ที่ขี่แค่รถจักรยานไฟฟ้าสามารถจ่ายเงินชดใช้ได้งั้นเหรอ?
“คุณขี่รถจักรยานยังไงเนี่ย” สาวสวยคนหนึ่งผลักเปิดประตูรถปอร์เช่แล้วเดินลง นั่นมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคน
"ว้าว…"
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงในความงามของเธอ ผู้หญิงคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าอย่างประณีตซึ่งดูเป็นมืออาชีพและเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง เธอช่างสง่างามราวกับผู้หญิงที่ออกมาจากภาพวาด
ความงามเช่นนี้ไงทำให้เธอเป็นที่สนใจในทุกที่ที่เธอไป
"เวนดี้เหรอ?" ฮาร์วี่ย์ยิ้ม ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นในวันแรกที่มาทำงาน
แม้ว่าเธอจะชนรถจักรยานไฟฟ้าของเขา แต่เขาก็จะลืมเรื่องนี้ไปเพราะเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา
ฮาร์วี่ย์ไม่ได้คิดจะให้เธอรับผิดชอบและเดินเข้าไปทักทาย ในตอนนี้เองที่เวนดี้เห็นเขา
"นั่นคุณเหรอ? ฮาร์วี่ย์งั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"
เวนดี้เริ่มประหม่า เมื่อคืนนี้ที่โรงแรมแพลตตินั่มฮาร์วี่ย์หลอกลวงเพื่อนร่วมชั้นทุกคนที่ วันนี้เขามาที่นี่ทำไม? หรือเขาตามเธอมางั้นเหรอ? เขามาหลอกลวงตบตาคนอื่นอีกหรือเปล่า?
เวนดี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอซื้อรถปอร์เช่คันนี้ด้วยเงินกู้และใช้เงินกว่าเจ็ดแสนดอลลาร์ เธอรักรถของเธอมาก เธอไม่เคยคิดเลยว่าไอ้คนหลอกลวงคนนี้จะทำให้รถของเธอมีรอยขีดข่วนในวันนี้ เธอไม่รู้ว่าต้องเสียค่าซ่อมเท่าไหร่
“ฮาร์วี่ย์ ทำไมคุณถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้? คุณยังคิดที่จะหลอกลวงผู้คนอีกงั้นเหรอ!” เวนดี้กล่าวอย่างโมโห
“นี่ คุณเป็นคนที่ชนรถผม โอเค?” ฮาร์วี่ย์ถึงกับพูดไม่ออก “ตอนแรกฉันอยากจะปล่อยมันไปเพราะเราคือเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่คุณมากล่าวหาผมได้อย่างไรว่าผมไปชนรถของคุณ?”
"เกิดอะไรขึ้นครับ?" ในขณะนี้เดียวกันชายวัยกลางคนที่ยังคงแข็งแรงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัท เขาเดินมาพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ดูน่ากลัวมาด้วย
เมื่อเห็นเหตุการณณ์ตรงหน้า หัวหน้ารักษาความปลอดภัยซึ่งจำเวนดี้ได้ ก็รีบพูดว่า “คุณเซอร์เรล เกิดอะไรขึ้นครับ”
มีข่าวลือว่าเวนดี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไป ดังนั้นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยจึงคิดที่จะหาโอกาสที่จะประจบประแจงเธอ
“คุณไม่เห็นเหรอ?” เวนดี้กล่าวอย่างเย็นชา
หัวหน้ารักษาความปลอดภัยยิ้มและพูดว่า “คุณเซอร์เรล คุณสบายใจได้เลยครับ ผมจะจัดการกับเขาให้คุณเอง”
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหาฮาร์วี่ย์ เขาเตะรถจักรยานไฟฟ้าและตะโกนบอกว่า "คุณเป็นใคร? คุณไม่รู้หรือว่านี่คือที่จอดรถเฉพาะของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์เท่านั้น คุณไม่ได้รับอนุญาตให้จอดรถจักรยานไฟฟ้าที่นี่!”
“โอ้ เจ๋งมาก ใครเป็นคนตั้งกฎนี้งั้นเหรอครับ” ฮาร์วี่ย์กล่าวอย่างเยือกเย็น ตอนแรกเขาไม่ได้โกรธอะไร แต่เมื่อเขาเห็นคนเตะรถจักรยานไฟฟ้าสุดที่รักของเขา งั้นเขาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้
“ใครเป็นคนตั้งกฎงั้นเหรอ? แน่นอนฉันเอง!” หัวหน้ารักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างถือดี “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ เพียงแค่ชดใช้ค่าเสียหายและขอโทษคุณซอร์เรล ไม่อย่างงนั้นฉันจะส่งคุณไปที่สถานีตำรวจ”
เวนดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้ารักษาความปลอดภัย จากนั้นเธอก็พูดว่า "ช่างมันเถอะ มันไม่ควรทำให้เขายุ่งยากนะ แค่ให้เขาจ่ายค่าเสียหาย ไม่ต้องส่งเขาไปให้ตำรวจหรอก”
ฮาร์วี่ย์ชำเลืองมองเวนดี้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะยังคงมีน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ให้กับเขา อย่างไรก็ตามเขายังคงชี้ไปที่รถจักรยานไฟฟ้าที่ล้มนอนอยู่บนพื้นและพูดว่า “ลืมตาขึ้นมาแล้วดูให้ชัดสิ ผมจอดตรงนี้อยู่ก่อนแล้ว แล้วเธอก็ชนรถของผม ผมใจดีมากแล้วนะที่ไม่ขอให้เธอจ่ายค่าเสียหาย แต่คุณกลับต้องการให้ผมจ่ายค่าเสียหายให้เธอ คุณเสียสติไปแล้วเหรอ”
"คุณ!" หัวหน้ารักษาความปลอดภัยชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์ “ผู้ชายคนนี้โง่หรืเปล่า? คุณเซอร์เรลเธอตัดสินใจที่จะไม่โทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ทำไมคุณยังยืนยันว่าเธอจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้คุณ ใครคิดจะขับรถปอร์เช่แล้วไปชนรถจักรยานไฟฟ้าของคุณกัน”
เขากัดฟันแล้วพูดต่อ “ดูดีๆสินี่คือที่จอดรถส่วนบุคคลของบริษัท ไม่อนุญาตให้คนนอกจอดรถที่นี่”
“โอ้ ช่างบังเอิญเสียจริง? พอผมก็ทำงานในบริษัทนี้ด้วย” ฮาร์วีย์ยักไหล่ไม่สนใจ
“แล้วคุณกล้าละลาบละล้วงคุณเซอร์เรลได้อย่างไร? เธอสามารถทำให้คุณตกงานได้ง่าย ๆ เพียงเอ่ยสั่งออกมาแค่ประโยคเดียว” หัวหน้ารักษาความปลอดภัยมองฮาร์วี่ย์อย่างเวทนา
‘เด็กคนนี้น่าสงสารจัง เสื้อผ้าของเขาซื้อมาจากแผงลอยริมถนนสินะ แถมเขาขี่จักรยานไฟฟ้ามาทำงาน เขาน่าจะเป็นคนทำความสะอาดหรือเปล่า? ถ้าเขาทำให้คุณเซอร์เรลขุ่นเคืองฉันกลัวว่าเขาจะไม่ได้ต้องล้างห้องน้ำอีกต่อไป? '
"เขาคือใคร? ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขาไม่กลัวที่จะทำให้คุณเซอร์เรลขุ่นเคืองเลยเหรอ”
“ใช่ เราอยู่ฝั่งเดียวกัน ทำไมไม่ยอม ๆ เธอไปซะ”
“หรือบางทีเขาอาจแค่ต้องการดึงดูดความสนใจของคุณเซอร์เรลกันแน่!”
“เป็นไปได้นะ! เขาเป็นแค่คางคกที่พยายามจะกลืนหงส์งั้นเหรอ! เขาไม่ดูตัวเองในกระจกเลยหรือไง? เขาสวมเสื้อผ้าราคาถูก ๆ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่”
ฮาร์วี่ย์ยังคงเงียบ
พนักงานสองสามคนที่มองอยู่ข้าง ๆ ต่างก็ซุบซิบเกี่ยวกับฮาร์วี่ย์
เวนดี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณทำงานในบริษัทของเราด้วยงั้นเหรอ? ใครรับคุณเข้ามาทำงาน? ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยกิริยาท่าทางของคุณ ไม่ว่าใครจะเป็นคนเลือกเข้ามาทำงาน ฉันขอบอกคุณว่าคุณถูกไล่ออก ฉันไม่ต้องการให้คุณจ่ายค่าเสียหายให้ฉัน แล้วเอารถจักรยานไฟฟ้าของคุณออกไปซะ!”