บทที่ 5
พวกเขาคิดไม่ถึงว่ามาเดลีนจะมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าและได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในห้องก่อนหน้าที่หญิงสาวจะเข้ามามีอาการตัวเเข็งทื่อทันที
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีการแสดงออกของเมเรดิธได้เปลี่ยนไป การกระทำที่แสนอ่อนโยนและเรียบง่ายในเวลาปกติบนใบหน้าของพี่สาวที่แสนดีคนนั้นหายไป ในทางตรงกันข้ามเธอดูต่ำช้าลงอย่างเห็นได้ชัด “มาเดลีนทำไมแกอยู่ที่นี่”
ดวงตาคู่งามของมาเดลีนเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอขบขันเบา ๆ ก่อนจะพูดจาถากถางครอบครัวนี้ "นี่ฉันมาทันเวลาที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่รับรู้แผนการที่เพิ่งคิดเพื่อจัดฉากขึ้นมางั้นเหรอ?”
เมเรดิธรับรู้ได้ทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เธอลดใบหน้าก้มต่ำลง “แกกล้าดียังไงมาแอบฟังพวกเรา!”
มาเดลีนจึงตอบกลับไป “ใช่! นี่ถ้าฉันไม่บังเอิญได้ยินทุกสิ่งฉันคงจะเป็นคนโง่ที่ไม่มีทางรู้เลยว่าพี่สาวที่แสนดีของฉันเป็นผู้หญิงตีสองหน้าน่าไม่อาย!”
“แกกล้าเรียกเมเรดิธแบบนั้นได้ยังไงไอ้เด็กเหลือขอ! แกกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองแท้ ๆ!” ความโกรธของโรสทำให้เธอเอื้อมมือออกไปอย่างประสงค์ร้าย เธอกำลังจะทุบตีทำร้ายมาเดลีน
“คุณแม่ ทำไมถึงไปโกรธยัยเด็กบ้านนอกที่ไม่มีพ่อแม่นั่นด้วย?” เมเรดิธเย้ยหยันก่อนจะชำเลืองมอง มาเดลีนดูนิ่งสงบมาก “น้องสาวที่ัน่ารักของฉันเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราฉันคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดหากเธอตกลงที่จะหย่ากับเจเรมี่ ฉันเกรงว่าเธอจะไม่สามารถเเบกรับผลที่ตามมาได้ถ้าเธอยืนยันจะไม่ตกลง”
มาเดลีนจะไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์อันจอมปลอมของพวกเขาดำเนินต่อไปที่เธอเคยพยายามรักษามันอย่างเต็มที่ แต่ที่สุดแล้วความสัมพันธ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงความรักที่เสแสร้งแกล้งทำ...
มาเดลีนจ้องมองไปที่เมเรดิธที่ในอดีตนั้นผู้หญิงตรงหน้าสงบนิ่งกว่าเธอในตอนนี้ด้วยซ้ำ “ไม่แน่ถ้าเธอขอร้องฉันตอนนี้ฉันอาจจะคิดอีกครั้งก็ได้”
"อะไรนะ?" ท่าทางของเมเรดิธเปลี่ยนไปในพริบตาเธอมองไปที่มาเดลีนราวกับว่าเธอกำลังถูกท้าทาย
“ไอ้เด็กโสโครก แกบ้าไปแล้วหรือไง” โรสร้องด้วยความโมโห
มาเดลีนถึงกับหัวเราะออกมาหลังจากเห็นใบหน้าของทั้งผู้เป็นแม่และลูกสาว “เเน่นอน ฉันมันบ้าไปแล้ว ดังนั้นฉันจะเป็นคนที่ได้ครอบครองเจเรมี่และอยู่ในฐานะของคุณนายวิทแมนตลอดไป!”
“มาเดลีน อย่ามาหน้าด้าน!” เมเรดิธโกรธมาก “ฉันไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นแน่!”
“ฉันได้มันมาแล้วและอย่างน้อยตอนนี้ทุกคนในเกลนเดลก็รู้แล้วว่าคุณนายวิทแมนคือฉัน มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด ไม่ใช่ เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด”
หลังจากพูดจบมาเดลีนเองก็ได้เดินจากไปทิ้งไว้เพียงเมเรดิธที่ตอนนี้กำลังร้องเสียงหลงพร้อมตะโกนด้วยความโกรธอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากมาเดลีได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากมาเดลีนออกจากโรงพยาบาล เธอก็ไปที่โรงพยาบาลสำหรับเด็กและสตรี
เธอกังวลว่าลูกของเธอจะได้รับอันตรายจากสิ่งที่เจเรมี่ทำเมื่อคืนก่อนและการหกล้มก่อนหน้านี้
มีคนเข้าแถวต่อคิวจำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นสตรีมีครรภ์ที่มากับสามีและครอบครัว การที่ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขพวกนั้น มาเดลีนรู้สึกว่ามันคือเรื่องตลกร้ายสำหรับเธอ
เธอกำลังมีลูกกับชายที่เธอรัก แต่ผู้ชายคนนี้กำลังหลงรักผู้หญิงอีกคน
เมื่อก่อนมันไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาในเมื่อก่อนนั้นจับมือเธอและบอกเธอว่าเขาจะแต่งงานกับเธอเมื่อพวกเขาโตขึ้น
ถึงแม้ตอนนี้เขาแต่งงานกับเธอแล้วก็จริง แต่มันเป็นการบังคับโดยที่เขาไม่เต็มใจ
เด็กคนนี้ปลอดภัยดี มาเดลีนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต่อมามาเดลีนกลับมาที่บ้าน แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้านเธอก็ได้ยินเสียงประตูทางเข้าถูกบิดให้เปิดพร้อมกับเสียงดังปัง
เธอหันกลับไปมองและเห็นว่าเจเรมี่กลับมาแล้วเช่นเดียวกัน
เขาดูดีมาก แต่กลิ่นอายของความเหี้ยมโหดออกมาจากดวงตาของเขา
“เธอตามราวีเมเรดิธอีกแล้วงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเจเรมี่เย็นชามาก
มาเดลีนคิดไว้อยู่แล้วว่าเมเรดิธจะต้องบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงเปิดเผยความจริงที่เธอได้พบเจอ “ฉันไปที่นั่น แต่…”
“มาเดลีน เธอมันคือปีศาจ!”
ถ้อยคำที่กรี้ยวกราดของเจเรมี่ตัดผ่านหัวใจของมาเดลีนราวกับเศษแก้วมากมายนับพัน ความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นกำลังกระจายไปทั่วร่างกายของเธอ
เธอจ้องมองไปที่ชายที่กำลังเดินมาหาเธออย่างฉงนในใจดวงตาที่ลึกล้ำของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่เธอไม่สามารถอ่านมันออกได้
“เธอยังบอกเมเรดิธอีกว่า เธอจะตามรังควาญฉันแม้ว่าเธอจะตายไปแล้วและจะไม่มีวันให้เมเรดิธได้มีโอกาสเข้ามาในครอบครัววิทแมนใช่ไหม?”
ใบหน้าของมาเดลีนซีดจัด เธอไม่เคยพูดเรื่องพรรณนั้น
เธอต้องการอธิบาย แต่ไม่ทันได้พูด เจเรมี่จับข้อมือเธอแน่นอย่างโมโหก่อนจะเหวี่ยงเธอลงบนโซฟา