บทที่ 15
ชุดของ กู โรลโรล ดูสวยจนน่าทึ่งแต่มันเหมือนกับชุดสีดำที่เธอเคยใส่มาก่อน แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสนใจ ทุกคนต่างสนใจสร้อยคอบนไหปลาร้าของเธอ
เป็นอัญมณีสีน้ำเงินเข้มล้อมรอบด้วยเพชรขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน การออกแบบมีเอกลักษณ์มากและงานฝีมือที่พิถีพิถัน ทำให้เห็นได้ชัดว่าสร้อยคอเส้นนี้มีราคาแพงมาก
ไม่มีใครคุ้นเคยกับสร้อยคอนี้ไปมากกว่า ทัง โรลชูว สร้อยคอเส้นนี้เคยเป็นของแม่ของเธอ คนที่ได้ทำสร้อยเส้นนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเป็นสินสอดของเธอในอนาคต
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า กู โรลโรล กล้าใส่สร้อยเส้นนี้!
ความโกรธครอบงำทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
เธอเดินผ่านฝูงชนด้วยความโกรธและเดินไปยัง กู โรลโรล เธอมองไปที่ กู โรลโรล อย่างโกรธเกรี้ยวก่อนที่เธอจะพูดอย่างเย็นชา “ใครให้สิทธิ์แกแตะสร้อยคอนั้น? คืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้! มันเป็นของแม่ฉัน!”
“แม่ของแกไม่อยู่แล้วตอนนี้ แม่ของฉันเป็นคุณนายใหญ่ที่แท้จริงของครอบครัวทัง สร้อยเส้นนี้เคยจะเป็นของเธอมาก่อนโดยชอบธรรม แต่ตอนนี้มันเป็นสินสอดของฉันแล้ว!” กู โรลโรล พูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีเจตนาที่จะคืนสร้อยคอ
ใบหน้าของ ทัง โรลชูว มืดลงขณะที่เธอพูด “นี่เป็นของขวัญจากแม่ของฉัน ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย คืนสร้อยคอให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่? แกจะเข้ามาแย่งสร้อยคอไปต่อหน้าทุกคนอย่างงั้นเหรอ?” กู โรลโรล พูดอย่างท้าทายขณะที่เธอขยับหน้าอกขึ้น
“แกคิดว่าฉันจะไม่ทำจริงเหรอ?” ทัง โรลชูวพูดขณะที่เธอเอื้อมมือไปที่สร้อยคอ
ก่อนที่เธอจะคว้าสร้อยคอได้ กู โรลโรล สะดุดไปข้างหลังราวกับว่าเธอถูกผลัก เธอเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้องบอลรูมและทุกคนก็จ้องมาที่เธอ
เธอนั่งลงบนพื้นและอุทานด้วยความตกใจปลอม ๆ “โรลชูว ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับยินเฟง แต่เขาเป็นพี่เขยของเธอ แม้ว่า ... แม้ว่าฉันจะพูดอะไรที่ทำให้เธอไม่พอใจ เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง? ผลักฉันแบบนี้ถ้า ...ถ้าเธอทำร้ายลูกในท้องของฉันหล่ะ? เธอจะทำยังไง?”
“ฉัน …” ทัง โรลชูว แข็งตัวทื่อและใบหน้าของเธอก็ซีดมาก
เธอรู้ว่าเธอตกหลุมพรางของ กู โรลโรล แล้ว
จี ยินเฟง รีบวิ่งไปผลัก ทัง โรลชูวออกไปข้าง ๆ และมองไปที่เธออย่างเย็นชาขณะที่เขาพูดว่า “ทัง โรลชูว ไม่คิดว่าเธอจะร้ายได้ขนาดที่จะทำร้ายพี่สาวของเธอทั้ง “ที่รู้ว่าเขากำลังตั้งท้องอยู่? เธอกำลังคิดที่จะเอาชนะใจฉันอยู่ใช่ไหม พี่สาวของเธอคือคนที่ฉันรักมาตลอด หยุดรังควานฉันและอย่าทำอะไรโง่ ๆ ให้ตัวเองขายหน้าไปกว่านี้เลย!”
ทัง โรลชูว รู้สึกมึนงงด้วยความเจ็บปวด แต่เธอรู้สึกราวกับว่ามีคนตบหน้าเธอแน่นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของ จี ยินเฟง
เธอโกรธมากจนอยากจะตบหน้าพวกเขาแรง ๆ
พวกเขาเกิดมาคู่กันจริง ๆ พวกเขาแสดงได้ยอดเยี่ยมมากจนสมควรได้รับรางวัลออสการ์!
แขกเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ว้าว เธอเป็นน้องสาวของเจ้าสาวใช่ไหม? กล้ามากนะนั้นที่คิดจะแย่งผู้ชายจากพี่สาวตัวเอง”
“เธอมันช่างไร้ยางอาย กู โรลโรล ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่มีน้องสาวอย่างเธอ”
“ฉันไม่แปลกใจเลย นายน้อยของตระกูลจี นั้นโดดเด่นมากจนฉันไม่สามารถว่าเธอที่ตกหลุมรักเขา ได้ แต่เธอไม่ควรทำขนาดนี้เมื่อเขาเป็นคู่หมั้นของพี่สาวของเธอ และถึงขั้นผลักพี่สาวของเธอเอง?”
แขกมองไปที่ ทัง โรลชูว อย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดออกมาให้เธอได้ยิน
“ฮ่าฮ่า, พวกคุณเหมาะสมกันจริงๆ!” หน้าของ ทัง โรลชูวซีดเซียวขณะที่เธอพูด เธอเปร่งเสียงหัวเราะอย่างโกรธเคืองก่อนที่จะพูดต่อ “จี ยินเฟิง, ใครทำให้คุณกล้าที่จะพูดคำพวกนั้น? คุณจะกล่าวหาว่าฉันคุกคามคุณได้อย่างไรเมื่อคุณเป็นคู่หมั้นของฉันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ? หรือว่ามันไม่จริง? และฉันย้ำอีกครั้งนะว่าเราควรจะแต่งงานกันวันนี้ใช่ไหม? ฮ่า ๆ คุณอาจจะไร้ยางอาย แต่คุณไม่ควรล้ำเส้นแบบนี้!”
จี ยินเฟง ไม่ได้คิดว่า ทัง โรลชูว ขะพูดความจริงออกมาแบบนี้ ใบหน้าของเขาซีดเซียวในขณะที่เขาพูดว่า “ทัง โรลชูว, หยุดพูดเรื่องไร้สาระ! ฉันเคยเป็นคู่หมั้นของเธอเมื่อไหร่? เลิกคิดไปเองได้แล้ว!”
“โรลชูว เธอพูดออกมาได้อย่างไร? ยินเฟงกับฉันรักกันมาก ไม่งั้นฉันคงไม่ท้องลูกของเขา เธอพูดเกินไปจริงๆนะครั้งนี้ กู โรลโรล กล่าวด้วยความเจ็บปวด”
เธอไม่ยอมรับว่าเธอแย่งจี ยินเฟง ไปอย่างฉลาดและยืนยันว่าพวกเขามีความรักที่บริสุทธิ์ ดังนั้นคำพูดของทำให้เธอดูแย่ไปเลย
แขกผู้มาร่วมงานต่างพูดคุยด้วยเสียงกระซิบอันแผ่วเบา งานหมั้นที่ยิ่งใหญ่นี้ได้กลายเป็นความบาดหมางในครอบครัว ทุกคนรู้สึกราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าละครเวที
“โรลชูว เธอทำพลาดแล้วหละครั้งนี้ ฉันรู้ว่าเธอชอบ ยินเฟง, แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะแต่งงานกับ โรลโรล โปรดหยุดพูดคำที่ไม่ดีทั้งหมดนี้เสีย” ชิน ซูเหลียน แม่ของจี ยินเฟง พูดและยืนขึ้นเพื่อลูกชายของเธอ
เธอเลือกใช้คำพูดที่ดีเท่าที่จะทำได้ แต่เธอก็ทำลายชื่อเสียงของทัง โรลชูว เช่นกัน
ทัง โรลชูว หน้าซีด
เธอรู้สึกว่าทุกคนเริ่มมองเธอแตกต่างไปจากเดิมจากคำพูดของชิน ซูเหลียน พวกเขามองเธอด้วยความดูถูกมากขึ้นและการจ้องมองแต่ละครั้งดูเหมือนลูกศรที่แหลมคมที่แทงทะลุเธอ
เธอยืนอยู่คนเดียวในห้องบอลรูมและทำอะไรไม่ถูก