บทที่ 4
แคทเธอรีนนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านตระกูลโจนส์ทันที ในตอนนั้นคุณโจนส์ไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อเอาสูติบัตรของเธอ ขณะเดียวกันที่เธอกำลังเดินไปยังห้องนั่งเล่น เธอเห็นรีเบคก้าออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับเอกสารกองใหญ่
รีเบคก้าดูดีด้วยผมบ๊อบสีดำสนิทและใบหน้าที่สวยเป็นธรรมชาติ
“ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้วเหรอน้องสาว ฉันยังกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอยู่เลย” ใบหน้าของรีเบคก้าแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด “เพียงแต่ว่าอีธานไม่ได้รักเธอ เธอไม่สามารถบังคับใครให้มารักเธอได้”
แคทเธอรีนจ้องมองไปที่เธอด้วยสายตาที่เย็นชา “พอได้แล้ว เธอไม่ต้องเล่นละครหรอก ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้ฉันประเมินเธอต่ำเกินไป”
“อย่ามาทำกับฉันแบบนี้” รีเบคก้ากัดริมฝีปากของเธอ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการในอนาคตตกลงไหม? ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ฉันจะส่งเอกสารเหล่านี้ให้กับเธอ”
ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ เธอก็ยัดเอกสารเหล่านั้นใส่ในมือของแคทเธอรีน
แคทเธอรีนรู้สึกว่ามันแปลกและรับเอกสารพวกนั้นเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เอกสารทั้งหมดร่วงลงบนพื้น
“พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่?”
ทันใดนั้นเอง แซลลี่ เลนนอน ก็เดินลงมาจากบันไดและเห็นน้ำตาบนใบหน้าของรีเบคก้ารวมถึงเอกสารที่กระจัดกระจาย
“เอาสารเหล่านี้เป็นเอกสารของบริษัทที่พ่อของลูกขอให้ตรวจดูไม่ใช่หรือ?”
“คุณแม่อย่าโกรธน้องนะคะ เป็นความผิดของหนูเอง” รีเบคก้ารีบอธิบายด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “เคธี่ขอให้หนูเลิกยุ่งกับเรื่องของบริษัทและส่งเอกสารเหล่านี้ให้กับเธอค่ะ หนูคิดจะมอบเอกสารพวกนี้ให้กับเธอ แต่เธอไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับอีธาน ดังนั้น –”
“เธอมันตอแหล --”
“หุบปากนะ!” แซลลี่จ้องไปที่แคทเธอรีน “ใครอนุญาตให้แกเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัท? เป็นพ่อของแกและฉันที่ขอให้รีเบคก้าตรวจดูเอกสารพวกนี้ รีเบคก้าจะเข้ามาเป็นผู้จัดการของบริษัทอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า แกควรทำตัวดี ๆ”
แคทเธอรีนตกตะลึง “เมื่อพูดถึงเรื่องการศึกษาและประสบการณ์ หนูมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากกว่าเธอ แม้จะเข้ามาร่วมทำงานในบริษัทเร็วกว่าเธอหนึ่งปี หนูก็ยังไม่ได้เป็นผู้จัดการเลยด้วยซ้ำ อะไรทำให้เธอมีสิทธิ์ก้าวข้ามไปยังตำแหน่งผู้จัดการแบบนั้นได้?”
“คุณแม่คะ หนูไม่เป็นผู้จัดการคงจะดีกว่า หนูไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของหนูกับเคธี่” รีเบคก้ารีบพูดขึ้นในทันทีในขณะที่สะอึกสะอื้น
หัวใจของแซลลี่ปวดร้าวอย่างที่สุด “ดูเอาเถอะ รีเบคก้าใส่ใจในความเป็นพี่น้องของแกมากแค่ไหน แล้วแกล่ะ? แกมันใจแคบและเห็นแก่ตัว แกไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม้แต่ผู้จัดการ ไม่แปลกใจเลยที่อีธานจะเลือกรีเบคก้าแทน”
คำพูดที่โหดร้ายจากแม่ของเธอ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังถูกฟาดด้วยไม้เรียว
ทั้งรีเบคก้าและแคทเธอรีนต่างก็เป็นลูกสาวของเธอ อย่างไรก็ตาม แซลลี่กลับความลำเอียงไปทางรีเบคก้ามากจนเธอเชื่อทุกอย่างที่รีเบคก้าพูด
แคทเธอรีนอยู่กับแม่มาตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำไมแซลลี่ถึงไม่รู้จักนิสัยของเธอ?
ไม่มีใครปลอบแคทเธอรีนตั้งแต่เมื่อวาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกทำให้เป็นเหมือนเรื่องปกติธรรมดา
เธอก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
เมื่อความโกรธวิ่งผ่านทั่วร่างของเธอในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แคทเธอรีนจึงถอยหลังไปสองก้าว “ไม่เป็นไร เพราะว่าฉันไม่ดี ฉันจะไปเอง ดีไหมล่ะ?”
เธอไปที่ห้องของเธอทันทีหลังจากที่พูดจบ เธอหยิบกระเป๋าเดินทางแล้วเธอก็ยัดเสื้อผ้าของเธอใส่ลงไป
เสียงของรีเบคก้าดังมาจากประตู “คุณแม่คะ เคธี่บ้าไปแล้ว เราควรจะห้ามไม่ให้เธอไป”
“ไม่ต้องไปยุ่งกับเธอหรอก นั่นเป็นนิสัยของเธอ เธอถูกตามใจมากเกินไป อีกสองวันเธอก็จะกลับมา ไปซื้อเสื้อผ้าของลูกกันเถอะเพราะว่าลูกกำลังจะหมั้นเร็ว ๆนี้”
“...”
ในไม่ช้า เสียงก็เริ่มห่างออกไป
น้ำตาหยดลงบนหลังมือของเธอ แคทเธอรีนถือกระเป๋าเดินทางของเธอลงบันไดมา หลังจากนั้นเธอก็ขับรถของเธอออกมา
ในตอนนั้นเอง มันตอกย้ำเธอว่าเธอได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว
ทำไมทุกคนถึงทำกับเธอแบบนี้ ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย?
เธอกำพวงมาลัยแน่นขณะที่ดวงตาของเธอฉายแววด้วยความไม่พอใจ
หลังจากผ่านไป 40 นาที แคทเธอรีนก็เห็นร่างของผู้ชายที่ทางเข้าของสำนักงานทะเบียน ผู้ชายคนนั้นดูดีในเสื้อเชิ้ตยืดสีขาวที่ถูกรีดจนเรียบและกางเกงขายาวสีดำ เขาตัวสูง ดูแข็งแรง และมีออร่าเปล่งประกายออกมา
เธอรีบวิ่งตรงไปหาเขาหลังจากที่จอดรถของเธอ “คุณมาจริง ๆ ด้วย”
น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความแปลกใจปนดีใจ
เมื่อฌอนหันกลับมา เขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่บนร่างกายของเธอจากเมื่อคืนก่อน “คุณไม่ได้อาบน้ำมาหรืออย่างไร?”
แคทเธอรีนรู้สึกอายขึ้นมาทันที “เมื่อคืนฉันเมามาก ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ตัวเมื่อฉันกลับถึงบ้าน เช้านี้ฉันรีบมาก จึง...”
เมื่อเธอตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจ้องมองเธอด้วยความดูถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงรีบยืนยัน “วันนี้มันเป็นเหตุฉุกเฉิน ปกติฉันก็อาบทุกวันอยู่แล้ว และฉันก็รักความสะอาด”
เธอสังเกตท่าทางของเขาขณะที่เธอพูด
มันเป็นเรื่องปกติที่จะเจอกับผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดภายใต้แสงไฟสลัวในผับ แต่ถึงอย่างไรใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะดูไม่ดีในตอนกลางวัน
ต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นข้อยกเว้น
ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้มีแค่เสน่ห์ดึงดูด ทว่าเขากลับดูน่าทึ่งด้วยท่าทางสมาร์ทของเขาและใบหน้าที่เย็นชา เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา และยิ่งไปกว่านั้น ผิวของเขาก็เรียบเนียนเเทบจะไม่มีรูขุมขนเลย
แคทเธอรีนรู้สึกว่ามีผู้หญิงสองสามคนที่กำลังเข้าไปในสำนักทะเบียนเพื่อจดทะเบียนสมรสกำลังจ้องมองเขาอยู่
“ผู้ชายอะไรหล่ออย่างนี้”
ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงจึงพูดขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นก็ดูสวยเหมือนกัน”
“นั่นมันก็จริง พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกับมาก ลูกของพวกเขาในอนาคตจะต้องออกมาน่ารักอย่างแน่นอน ต่างจากพวกเรา น่ากังวลอะไรอย่างนี้...”
“...”
เมื่อการสนทนาดังไปเข้าหูของฌอน เขาก็พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “เราจะไม่มีลูก”
แคทเธอรีนพูดไม่ออก
ฌอนพูดต่อ “เราจะหย่ากันอีกในสามปีต่อมา ผมจะให้เงินก้อนหนึ่งที่เพียงพอสำหรับกับการใช้ตลอดชีวิตของคุณ นอกจากนี้ผมจะไม่พบกับครอบครัวของคุณ ลองคิดดูให้ดี ๆ ถ้าคุณไม่สามารถทำตามข้อตกลงนี้ได้ คุณสามารถปฏิเสธได้”
แคทเธอรีนรู้สึกว่าสงสัยอยู่ในใจของเธอ
เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบเมื่อคืนที่ผ่านมา
เธอไม่สนใจที่เขาไม่ได้รักเธอตั้งแต่แรกพบ แม้ว่า...
ด้วยความสามารถพิเศษของเธอ เธอเชื่อว่าเธอสามารถเอาชนะใจผู้ชายคนนี้ได้ภายในเวลาสามปี
เธอต้องรวบรวมความต้องการที่อยากจะเป็นป้าของอีธาน
“ได้”
เมื่อคนทั้งคู่เข้าไปภายในสำนักงานทะเบียน พวกเขาก็เข้าไปถ่ายรูปด้วยกันก่อนเป็นอันดับแรก
ช่างภาพใช้เวลาอยู่นานในการถ่ายรูปของพวกเขาทั้งไม่พอใจกับรูปที่ถ่ายได้ “พวกคุณสองคนขยับเข้าไปใกล้กันกว่านี้และทำให้ดูรักกันหน่อยไม่ได้เหรอ? นอกจากนี้ คุณครับ กรุณายิ้มด้วยครับ”
ความหงุดหงิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฌอน แคทเธอรีนรีบโอบเขาเอาไว้ในทันที จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เส้นประสาทบนใบหน้าของเขาเสียหายน่ะค่ะ เขาจึงป่วยเป็นอัมพาตที่ใบหน้า อย่าบังคับเขาเลยนะคะ ให้เขาเป็นแบบนี้เถอะค่ะ”
“...”
เป็นการดูถูกเป็นอย่างมาก ฌอนมองดูผู้หญิงที่กำลังยิ้มอย่างร่าเริงด้วยความเย็นชา
“คุณไม่พูดน่าจะดีกว่า หรือคุณอยากหยุดถ่ายภาพ” แคทเธอรีนกระซิบที่ข้างหูของเขาอย่างกล้าหาญ ขณะที่ยืนเขย่งปลายเท้า กลิ่นของเธอยังคงอยู่ใกล้ข้างหูของเขา ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้