บทที่ 3 นั่นใคร?
สองนาทีต่อมา มาร์ค รถของเทรมอนต์ถูกขับรถออกไป แอเรียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอสติหลุดในตอนนั้น และก็สงสัยว่าเขากำลังทำอะไรในตอนที่รถจอดอยู่
“ท่านครับ...หิมะกำลังตกนะครับ ท่านจะปล่อยให้เธอไปแบบนั้นเหรอครับ? เราควรรออีกหน่อยไหมครับหรือว่าจะให้เรียกเธอไหมครับ?” คนขับรถ ไบรอัน เพียซ กล่าวพร้อมกับท่าทางที่ดูค่อนข้างกังวน
“อย่ายุ่งน่า...” มาร์ค เทรมอนต์ มองภาพเธอผ่านกระจกมองหลังอย่างรำคาญใจ และเขาก็ให้โอกาสเธอ 2 นาที
เมื่อแอเรียนมาถึงโรงเรียน ทิฟฟานี่ เลน ถึงกับอึ้งกับสภาพที่เปียกปอนของเธอ
“เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ? เธอปั่นจักรยานมาท่ามกลางหิมะแบบนี้เนี่ยนะ? เธอบ้าไปแล้วหรือไง? มานี่มา อาหารเช้ายังอุ่นอยู่เลย รีบกินเข้าสิ”
แอเรียนรับนมและขนมปังที่ทิฟฟานี่ เลน ส่งให้เธอด้วยรอยยิ้ม รอยแดงแห้งแตกเกิดขึ้นบนริมฝีปากที่บางของเธอ
ทิฟฟานี่สูดหายใจเข้าไปอย่างลึกแล้วถามว่า “พ่อแม่ของเธอไม่สนใจเธอเหรอ? พวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องอาหาร เสื้อผ้าของเธอบ้างเลยเหรอ? ไม่กังวลบ้างหรอว่าเธอจะมาโรงเรียนศิลปะยังไง ? พวกเขารับเธอมาเลี้ยงจากข้างถนนหรือยังไง?”
“ตอนที่ฉันเด็กๆ แม่ของฉันแต่งงานใหม่ พ่อของฉันก็เสียชีวิตมาสิบปีแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย…” แอเรียนตอบพร้อมกับถอดเสื้อโค้ทที่เปียกชุ่มออกและจิบนมที่กำลังอุ่นๆ น้ำเสียงที่เฉยเมยพร้อมกับท่าทางของเธอทำให้หัวใจดวงนึงเจ็บปวด
ทิฟฟานี่ลูบผมของเธอที่เปียกปอนด้วยความเอ็นดู
“ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ? เรารู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วนะ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยบอกอะไรฉันเลย จนในที่สุดวันนี้เธอก็พูดมันออกมา มันไม่สมเหตุผลเอาซะเลย แม่เธอทนทิ้งสาวน้อยแสนสวยอย่างเธอได้ยังไงกัน…แล้วตอนนี้เธออยู่กับใครล่ะ?”
“เธออาศัยอยู่กับใคร?”
แอเรียนไม่ได้ตอบคำถามในทันทีเพราะเธอกำลังคิดว่าเธอจะพูดพาดพิงถึงมาร์ค เทรมอนต์ ได้อย่างไร เขาเป็นพี่ชายของเธอเหรอ?
“พี่ชายของฉัน” มันคือทั้งหมดที่เธอสามารถจะตอบได้
ทิฟฟานี่ เลน ถึงกับงงไปนิดหน่อย
“พี่ชายของเธอ? พี่ชายแท้ๆเลยน่ะหรอ? หรือแม้ว่าเขาจะเป็นญาติเธอเขาก็ไม่ควรปล่อยให้เธออยู่อย่างน่าสงสารแบบนี้ แล้วนี่เธอซื้อสีที่ติวเตอร์บอกให้พวกเราซื้อแล้วหรือยัง?
แอเรียนสายหัวแล้วพูดว่า”ฉันไม่สามารถที่จะซื้อมันได้ในตอนนี้ แต่ฉันมีความคิดนึง”
สามปีที่แล้ว เธอเป็นคนซื่อๆตรงไปตรงมาแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ใครหลอกเธอได้ง่ายๆ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอปฏิเสธมาร์ค เทรมอนต์
เสียงที่เยือกเย็นออกมาจากริมฝีปากของเขา
‘แล้ววันนึงที่จะต้องคุกเข่าขอร้องฉัน’
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางออกจากประเทศโดยไม่บอกกล่าวลาหรือแจ้งเตือนใดๆ และเธอก็ไม่เคยขอร้องให้เมตตาเธอ หรือแม้กระทั่งขอข้าวให้เธอกินในคฤหาสน์เทรมอนต์แห่งนี้ ชีวิตของเธออยู่รอดมาได้ด้วยการทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น
เธอไม่สามารถที่จะทำตามที่เขาขอหรือทำให้เขาพึงพอใจได้ และก็ไม่จำเป็นต้องทำมันอีกต่อไปแล้ว
มองไปที่หน้ามุ่ยๆของแอเรียนแล้ว ทิฟฟานี่ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงอบอุ่มของผู้ชายคนนึงก็เข้ามาขัดจังหวะ
“ทิฟฟานี่ วันนี้พายที่แสนน่ารักของเธอและวันนี้เป็นยังไงบ้าง? ทำไมเธอดูไม่มีชีวิตีวาเอาซะเลยล่ะ?”
วิล ซีวาน นั่นเองที่กล่าวและเขาก็ยังเป็นคนที่แอเรียนรู้จักในมหาวิทยาลัยนี้อีกด้วย
ที่ที่มีเพียงคนรวยและมีอำนาจอยู่ในเมืองหลวงนี้เท่านั้น รวมทั้ง ทิฟฟานี่ เลน และ วิล ซีวาน ก็ด้วย แต่ไม่ใช่ แอเรียน วิน
“เรื่องสีน่ะ…”
“ทิฟฟานี่!”
แอเรียนขัดจังหวะเธอแล้วสายหัวไปมาสุขุม ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอไม่ต้องการที่จะให้วิลรับรู้ถึงสภาพของเธอ
ทันใดนั้นวิล ซีวานก็แตะที่หน้าผากของเธอเบาๆ
“เธอมีไข้นี่นา”
“ถ้าเธอป่วยขึ้นมา ทิฟฟานี่จะบ่นยาวไปทั้งวันอีกนะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะบ่นแต่เขาก็ถอดผ้าพันคอของตัวเองเอาไปพันให้ที่คอของแอเรียน
เธอมองไปที่เขาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมา
รอยยิ้มของเขาราวดั่งกับแสงสว่างที่สอดส่องมายังผ้าห่มที่ขาวคล้ายปุยเมฆ สุภาพและเป็นธรรมชาติ
ผมจากหน้าผากร่วงลงมาที่ตาของเขาซึ่งเป็นประกายราวกับมีดวงดาวทั้งหมดในจักรวาลอยู่ในนั้น
วิล ซีวาน เป็นหนึ่งในคนที่ดูดีที่สุดเท่าที่แอเรียนเคยพบมา รองจากนั้นก็คือ มาร์ค เทรมอนต์นั่นเอง
ตอนที่เขาเจอกันเมื่อสิบปีก่อน มาร์ค เทรมอนต์ ก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจเช่นกัน
“นั่นใครน่ะ?” สายตาของมาร์ค เทรมอนต์ จ้องมองไปที่พวกเขาสองคน แอเรียน วิน และ วิล ซีวาน ผู้ซึ่งอยู่ข้างๆเธอตรงทางเดินด้านนอกของห้องศิลปะ