บทที่ 2 ฝังลึกลงไป
แอเรียนกลัวมากเกินกว่าจะต่อต้าน เรื่องแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต
“ท่านครับ ได้เวลาสำหรับมื้ออาหารเเล้วครับ”
เสียงของพ่อบ้านเฮนรี่ดังขึ้นจากด้านนอกของห้อง ฟังดูเหมือนเสียงของผู้กอบกู้ที่เพิ่งจุติลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยเหลือแอเรียนผู้น่าสงสารอย่างนั้นเลย
พ่อบ้านเฮนรี่รับใช้ตระกูลเทีมอนต์มานานหลายสิบปี และเฝ้าดู มาร์ค เทรมอนนต์ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้พ่อบ้านเฮนรี่ จึงกุมสิ่งสำคัญบางอย่างเอาไว้จนถึงตอนนี้
“เข้าใจแล้ว” มาร์ค เทรมอนต์ ตอบอย่างลวกๆ
แอเรียน วินน์ เปิดประตูทันทีและวิ่งหนีออกไปเพื่อราวกับผู้รอดชีวิต เสียงและคำพูดของมาร์คยังคงกึกก้องอยู่ในหัวของเธอ
“เธอกำลังจะอายุครบ 18 ปี ในอีกไม่กี่วันใช่ไหม?”
คำถามของเขาละลานความสงบในใจของเธอ และเธอรู้ดีว่าอายุ 18 ปีนั้นหมายถึงอะไร
หลังจากที่มาร์ค เทรมอนต์ ทานอาหารเสร็จเขาก็ออกไปจากบ้าน ทำให้แอเรียนรู้สึกโล่งใจในขณะที่เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงเล็กๆในห้องเก็บของ เธออาศัยอยู่ที่นี้ในห้องเก็บของนี้มานานเป็นเวลาสิบปีแล้ว ในความรู้สึกของเธอแล้ว คฤหาสน์เทรมอนต์นั้นเหมือนกับ”บ้าน”หลังที่สองของเธอเลยก็ว่าได้
ยามนิทราของเธอในคืนนี้ช่างวุ่นวายใจเสียจริง เธอถามพ่อของเธอซ้ำๆในความฝัน “จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เรื่องที่พวกเขาบอกมันเป็นความจริงไหมคะ?” คำตอบเดียวที่เธอได้กลับมาคือพ่อมองมาแล้วยิ้มให้กับเธอก่อนที่เขาจะหันหลังกลับขึ้นเครื่องบินไป
อุบัติเหตุดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลเทรมอนต์ซึ่งได้คร่าชีวิตของผู้โดยสารไปมากถึงสิบเจ็ดคน รวมทั้งพ่อกับแม่ของมาร์ค เทรมอนต์ด้วย
สื่อรายงานอย่างแพร่หลายว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากความผิดพลาดของนักบิน อย่างไรก็ตามยังมีข่าวลือว่า นักบินนั้นมีอาการมึนเมาเนื่องจากแอลกอฮอล์ก่อนปฏิบัติหน้าที่
แซคารี วินน์ พ่อของแอเรียน วินน์ เป็นนักบินประจำตระกูลเทรมอนต์ เขาถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูของสาธารณชน แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกไปนานมากแล้วก็ตาม
ในตอนสุดท้ายก่อนที่ความฝันของแอเรียนจะจบลง เธอเห็นมาร์ค เทรมอนต์ พาเธอกลับมาที่บ้าน ไม่มีใครเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงช่วยลูกสาวของผู้เป็นคนบาป
แอเรียนในวัยแปดขวบถูกส่งเข้าไปยังคฤหาสน์เทรมอนต์ ในขณะที่เขากำลังจับมือของมาร์ค เทรมอนต์ ในตอนนั้นเธอคิดอย่างเด็กไร้เดียวสาว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน นั่นอาจจะเป็นความเมตตาอันบริสุทธิ์ของเขาก็ได้
เมื่อประตูปิดลง มือของเธอก็ถูกสะบัดออกในขณะที่มาร์ค เทรมอนต์จ้องมองเธออย่างเย็นชา
“พ่อของเธอตายไปแล้ว เธอต้องชดใช้คืนอย่างสาสม”
ความเกลียดชังห่อหุ้มจิตใจของมาร์ค เทรมอนต์ตั้งแต่วัย 18 ปีมันเพิ่มขึ้นและใกล้จะกลืนกินแอเรียนเข้าไปทุกที ตั้งแต่นั้นมาเธอรู้และเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อที่จะช่วยเหลือเธอแต่อย่างใด
เมื่อเธอตื่นจากความฝัน ดวงอาทิตย์นั้นก็ส่องแสงจร้าแล้ว เธอแตะที่หน้าผากของเธอเหมือนจะมีไข้และมองดูหิมะที่ตกลงมาข้างนอกหน้าต่างเล็กๆในห้องเก็บของ “หืม หิมะกำลังตกนี่…” เธอพูดพร้อมยิ้มจางๆ
“แอริ ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว ในเมื่อหิมะกำลังตกอยู่ ข้างนอกจะต้องหนาวมากแน่ๆ เธอจะเป็นหวัดเพราะร่างกายที่เสาะแสะของเธอไม่ได้เด็ดขาด”
แมรี่เป็นห่วงเธอเหมือนกับที่เป็นมา ในช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะฤดูไหนๆ แมรี่จะคอยเตือนความจำให้เธอเสมอเมื่อเธอตื่น
แอเรียนฮัมเพลงที่เธอคุ้นเคยและสวมเสื้อโค้ทเพื่อสู้กับอากาศที่หนาวจัด แมรี่เห็นแอเรียนกำลังเดินออกไปที่ประตู เธอรู้สึกว่าจมูกของเธอเขม่น
“แอริ...ขอเงินคุณชายไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยเถอะ เธอใส่ตัวนี้มาหลายปีแล้ว เด็กผู้หญิงแบบเธอในวัยนี้ควรที่จะมีของสวยๆงามๆนะ แล้วดูเธอสิ…”
เธอสายหัวอย่างดื้อรั้น แล้วเธอก็ปั่นจักรยานที่สะบักสะบอมของเธอออกไปท่ามกลางความหนาวและหิมะที่โปรยปราย
มาร์ค เทรมอนต์สั่งห้ามไม่ให้ใครจัดหาสิ่งใดๆให้กับเธอรวมทั้งเงินด้วย สิ่งที่เธอควรได้รับควรมาจากเขาเพียงเท่านั้น
นับตั้งแต่อายุแปดขวบ แอเรียนพยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาพอใจไม่ว่าอะไรที่เขาต้องการ เขาสั่งห้ามไม่ให้เธอเรียกเขาว่า”พี่ชาย” ดังนั้นเธอได้แต่เรียกชื่อเขาตลอดเสมอมา มาร์ค เทรมอนต์ ชื่อนี้มันฝังลึกลงไปยังก้นบึ้งในจิตใจของเธอ
เสียงแตรของรถดังขึ้นจากด้านหลังของแอเรียน เธอจึงปั่นจักรยานเข้าไปใกล้ขอบถนนให้มากที่สุด เมื่อรถโรลส์-รอยซ์สีดำขับผ่านเธอไป เธอจ้องมองตาของมาร์คที่เล็ดลอดออกมาจากหน้าต่างที่เปิดเพียงครึ่งเดียว ต่างคนต่างจ้องมองกันในช่วงเวลาอันสั้นนั้น แล้วรถก็ขับผ่านไป
ทันใดนั้นรถก็จอดที่ตรงหน้าของเธออย่างน่าตกใจ เธอเองก็หยุดเช่นกันแล้วพยุงตัวเองด้วยขาข้างเดียวบนถนนและสองมือที่กำลังประคองแฮนด์จักรยานอยู่แล้วรออย่างเงียบๆ