บทที่ 9
แคทเธอรีนรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนต่อยที่หน้าอกของเธอ ความเจ็บจุกนั้นทำให้แทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึงสายตาที่เฉยเมยของอีธานที่มองผ่านเธอไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์อีกต่อไป
เจมส์รีบไปหารีเบคก้า “สำนักงานใหญ่สั่งให้ส่งมอบโครงการนี้ให้รีเบคก้า”
แคทเธอรีนสะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่เธอจะหันไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น
“เคธี่อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย” รีเบคก้าเซถอยหลังราวกับว่าเธอตกใจมาก โชคดีที่อีธานจับมือเรียวของเธอเอาไว้ที่ด้านหลัง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม
“รีเบคก้า เธอยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก? เธอแย่งผู้ชายของฉันไปแล้ว และตอนนี้เธอยังพยายามจะแย่งโครงการที่ฉันใช้เวลาทุ่มเทไปกับมันเป็นอย่างมาก นี่เธออยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีจริง ๆ เหรอ?”
“น่าหัวเราะอะไรอย่างนี้! คุณชายโลว์เป็นของเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน?” เจมส์เยาะเย้ย “เธอเป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร? เธอเคยตามตื้อคุณชายโลว์ในอดีต แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสนใจในตัวเธอเลย นอกจากนี้เธอคิดว่าเธอจะได้โครงการนี้อีกเหรอถ้าเธอชายโลว์ไม่มีเส้นสายกับผู้บริหารของบริษัทนั้น?”
“เจมส์ พอได้แล้ว” รีเบคก้าเตือนผู้ชายคนนั้น
“ผมยืนยัน คุณคือคู่หมั้นของคุณชายโลว์ ดังนั้นคุณมีสิทธิ์ที่จะดูแลโครงการนี้”
“คุณก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเหรอ?” แคทเธอรีนมองไปที่อีธานที่ยังคงเงียบอยู่จนถึงขณะนั้น
ในความจริงแล้ว อีธานใช้เส้นสายเพื่อแนะนำเธอกับคุณชายคลาร์ก
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายทั้งสองคนก็ไม่ได้สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แคทเธอรีนคือคนที่ใช้เวลาไปพบกับคุณชายคาร์กตลอดทั้งเดือน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถพูดคุยเรื่องแผนได้สม่ำเสมอก่อนที่จะสรุปเงื่อนไข
อีธานขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “คุณชายคาร์กยอมพบกับคุณเพราะผม”
เจมส์หัวเราะเยาะ “ทุกคนรู้เรื่องนี้ แต่มีบางคนยังยืนกรานจนทำให้ตัวเองต้องอับอาย”
“ฉันไม่เชื่อ ฉันจะไปหาคุณพ่อ”
แคทเธอรีนขับรถไปที่บริษัทหลักเพื่อไปพบกับ เจฟฟี่ โจนส์
“คุณพ่อคะ ทำไมคุณพ่อถึงมอบโครงการโรงแรมให้รีเบคก้าดูแลคะ? คุณพ่อก็รู้ว่าหนูทุ่มเทมากแค่ไหนกับโครงการ”
เจฟฟี่ที่อยู่ระหว่างการทำงานรู้สึกไม่พอใจที่เธอเข้ามาอย่างกะทันหัน “ฉันจะมอบโครงการอื่นให้กับแก เอาเป็นโครงการแคมป์เบล วิลล่า ดีไหม?”
“โครงการเล็ก ๆ แบบนั้นเหมาะสำหรับรีเบคก้ามากกว่าค่ะ เธอไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ดังนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าเธอเริ่มจากพื้นฐาน...”
เจฟฟี่ทุบโต๊ะ “เธอเป็นพี่สาวของแก และแกควรจะเคารพเธอด้วย ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของแกจะพูดว่าแกมันควบคุมไม่ได้”
แคทเธอรีนตกใจ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจเมื่อเธอพูดต่อ “เธอแย่งแฟนของหนูไปและตอนนี้เธอกำลังแย่งโครงการของหนูไปด้วย หนูควรจะเคารพผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร?”
“เธอไม่ได้แย่งโครงการของแกไปเพราะทุกโครงการมาจากการประชุม ฉันเป็นประธาน และฉันสามารถกำหนดได้ว่าฉันจะมอบหมายโครงการให้ใครก็ได้ตามที่ฉันต้องการ นอกจากนั้น อีธานก็ไม่เคยเป็นของแก เขาเลือกพี่สาวของแก”
คำพูดหลุดออกจากปากของเธอก่อนที่เธอทันจะห้ามเอาไว้ได้ทัน “อีธานจะไม่เลือกรีเบคก้า ถ้าคุณพ่อไม่โอนหุ้นของบริษัทให้เธอ 80 เปอร์เซ็นต์”
“พี่สาวของแกต้องทนทุกข์แบกรับความเจ็บปวดมาตลอดหลายปี ให้ความช่วยเหลือกับเธอทุกครั้งที่แกทำได้ นอกจากนี้ขอโทษเธอในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น
“หนูทำแบบนั้นไม่ได้” เธอตอบพลางกัดฟัน
เจฟฟี่ตบโต๊ะอีกครั้ง “ออกไปถ้าแกทำแบบนั้นไม่ได้ แกมันเนรคุณ แกไม่มีอะไรเลยนอกจากเห็นแก่ตัว!”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธของเขากระแทกหน้าของเธอดั่งลมกรรโชกแรง แก้มของเธอเป็นสีแดงด้วยอารมณ์หลากหลายที่ผสมปนเปกัน
“ได้ หนูจะไป หนูไม่เชื่อว่านักออกแบบที่มีความสามารถแบบหนูที่มีใบรับรองสถาปนิกชั้นหนึ่ง จะไม่สามารถหางานที่อื่นทำได้”
เธอกลับไปที่ห้องทำงานของเธอหลังจากนั้น ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคับแค้นและโกรธเคือง เธอเก็บข้าวของของเธอลงในกล่องกระดาษก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้า
ผู้คนมากมายต่างซุบซิบกันขณะที่เธอเดินผ่าน
“ฉันได้ยินมาว่า เธอถูกท่านประธานไล่ออกเพราะเธออิจฉาคุณหนูคนโต!”
“เธอต้องเห็นแก่ตัวมากแค่ไหนที่กีดกันพี่สาวของตัวเอง มันมีข่าวลือว่าคุณหนูคนโตถูกลักพาไปตอนที่เธอยังเด็ก และเพิ่งกลับมาหาพวกเขาได้ไม่นาน เธอคงต้องทนทุกข์ทรมานแบกรับความเจ็บปวดตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา”
“นั่นน่ะสิ! นอกจากนี้คุณหนูคนโตไม่เพียงแต่เป็นคนดี แต่ยังเป็นคนไม่ถือตัวอีกด้วย เธอยังซื้ออาหารเย็นไว้ให้พวกเราที่ทำงานล่วงเวลาในคืนนี้อีกด้วย”
“ผู้หญิงคนนี้กำลังจะได้รับสิ่งที่เธอควรจะได้รับ!”