บทที่ 1 เมื่อเติบโตขึ้น
”ว้าว, เขากลับมาแล้ว และเขาก็บริจาคเงินจำนวนมากให้กับโรงเรียนศิลปะที่มีชื่อเสียงทันที การเป็นคนรวยเนี่ย มันดีจริงๆเลยนะ ว่าไหม!”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นศิษย์เก่าของพวกเราและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาธ์ไลน์ พอจะเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเขาถึงบริจาคเงินมากมายขนาดนี้ และเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่รวยที่สุดในเมืองอีกด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น เขามีเสน่ห์สุดๆไปเลยแหละ… ผู้ชายในอุดมคติของผู้หญิงทั่วประเทศ หล่อ รวย แถมยังติดดินอีก บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่เหมือนเขาอีกแล้วแหละ!”
สถาบันศิลปะมหาวิทยาลัยเซาธ์ไลน์ เต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของ มาร์ค เทรมอนต์ ยกเว้น แอเรียน วินน์(แอริ) คนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ที่นั่งตรงทางเดินบันได เธอกำลังเคี้ยวขนมปังเก่าๆที่ดูเหมือนจะหมดอายุและมันก็ไม่มีความอุ่นใดๆหลงเหลืออยู่ การกล้ำกลืนสิ่งที่ยากที่จะกลืนลงไป จำต้องกลืนด้วยน้ำเปล่าธรรมดาแต่เย็นราวกับความเย็นในฤดูหนาว
มาร์ค เทรมอนต์. เขากลับมาอีกครั้งหลังจาก 3 ปี
“แอริ กินขนมปังอีกแล้วเหรอ? มากับฉันสิ ฉันจะพาเธอไปกินของอร่อยๆดีๆเองนะ!”
ทิฟฟานี่ เลน ค่อยๆโน้มย่อตัวลงข้างๆแอเรียนอย่างนุ่มนวล
อาริก็ส่ายหัว ก่อนที่จะยัดขนมปังส่วนที่เหลือเข้าไปในปากของเธอแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่ด้วยท่าทีที่ดูอ่อนเเรง
“ไม่มีเวลาแล้ว ฉันต้องรีบกลับไป”
ทิฟฟานี่ถอนหายใจ “โอเคก็ได้ พรุ่งนี้เธอไม่ต้องเอาขนมปังมาแล้วนะ ฉันจะพาเธอไปกินมื้อเช้าเอง”
เสียงของทิฟฟานี่ค่อยๆลอยหายไปอย่างช้าๆในขณะที่แอเรียนปั่นจักรยานผ่านไปจนในที่สุดเธอก็หายไปพร้อมกับสายลมแห่งฤดูหนาว
กลับมาที่”บ้าน”แอเรียนจอดจักรยานที่ดูสะบักสะบอมของเธออย่างระมัดระวังเข้าที่ตรงมุมแล้วค่อยๆแอบเข้ามาทางประตูหลังบ้าน เธอรีบวางกระเป๋าของเธอลง และกลับเข้าไปที่ห้องเก็บของเล็กๆที่มีความชื้นและเย็นมาก
ในขณะที่แอริกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า แมรี่รีบเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “แอริ วันนี้ไม่ต้องช่วยฉันแล้วนะ ท่านกำลังมองเธออยู่...อา แล้วก็ช่วยระวังด้วยล่ะ อย่าพูดอะไรที่ทำให้ท่านไม่พอใจเอาได้นะ ไม่อย่างนั้นเธอแย่แน่เลย”
แอเรียน วิน พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปข้างบนอย่างระมัดระวัง เธอตบที่เสื้อแจ็คเก็ตเบาๆให้ดูสะอาดเรียบร้อยแล้วสวมใส่มัน เพราะจำได้ว่าท่านไม่ชอบสกปรก
เธอกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่เคาะประตู ปลายนิ้วของเธอสั่นไปหมด เธอโตขึ้นมากในสามปีที่ผ่านมานี้ จึงคิดสงสัยว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกันนะ
“เข้ามาสิ”
เสียงอันไพเราะและนุ่มนวลราวดั่งกับแสงแดดที่ส่องมาในฤดูหนาวนั้นออกมาจากภายในห้อง หากฟังดูเผินๆไม่ใส่ใจอะไร พวกเขาอาจไม่รู้เลยว่านั่นเป็นน้ำเสียงที่เยือกเย็นซ่อนเร้นอยู่
หัวใจของแอเรียนถึงกับจมดิ่งลง ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไป เธอแง้มประตูเผื่อไว้เล็กน้อย
ชายผู้ซึ่งนั่งหันหน้าไปทางหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสพร้อมกับถือนิตยสารอยู่ในมือ ชุดสูทราคาแพงที่ถูกตัดออกแบบพิเศษมาให้เข้าและพอดีกับเขาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นสีเทาที่ดูประณีตสง่างามตัดกับสีของหิมะขาวในวันของฤดูหนาวเช่นนี้
แม้ว่าในขณะที่เขานั่งอยู่ ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าขาของเขานั้นยาวอย่างเห็นได้ชัด นิ้วมือที่ดูโดดเด่นของเขานั้นเปลี่ยนหน้าหนังสืออย่างนุ่มนวลสง่างาม คุณสมบัติของเขานั้นดูไร้ที่ติเหลือเกิน ราวกับว่าถูกขัดเกลาถนุถนอมมาอย่างดี เหมือนดั่งความฝันภายใต้แสงไฟอันสลัว
มาร์ค ทรีมอนท์, ในมี่สุดเขาก็กลับมา
“คุณกำลังจะอายุครบสิบแปดปี ในอีกไม่กี่วันใช่ไหม?”
น้ำเสียงที่เฉยเมยของเขาทำให้เธอรู้สึกเบื่อหน่ายลึกๆในใจ
ไม่มีการตอบสนองใดๆจากเธอ มาร์ค เทรมอนต์ โยนนิตยสารลงบนโต๊ะกาแฟข้างๆเขา แล้วหันไปจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดูธรรมดาแต่กลับรู้สึกเยือกเย็น
แอเรียนถอยหลังอย่างเฉียบพลันโดยสัญชาตญาณ เพราะเชื่อว่าเธอเป็นคนเดียวที่เขาจะไม่เมตตาให้
“ใช่…”
เธอตกใจกลัวเหมือนกับกวางที่กำลังข้ามถนนในยามค่ำคืนแล้วหันมาเจอไฟหน้ารถส่องเข้าที่หน้า หน้าของเธอดูซีดและไม่มีสีเลือด
มาร์ค เทรมอนต์ เดินเข้ามาหาเธอและค่อยๆจู่โจมเธอทีละก้าวทำให้เธอถอยกลับด้วยความกลัว
เมื่อทั้งสองคนเข้ามาใกล้ที่ประตู แอเรียนก็เกือบจะสะดุดกับประตูที่เปิดอยู่ครึ่งนึง มาร์คก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาปิดประตูผ่านหน้าของแอริไป และโอบคว้าตัวเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองของเขา
“คุณกลัวผมเหรอ?” เสียงของเขาดุดันและรุกพล่านด้วยความเกลียดชัง
แอเรียน วินน์ ไม่กล้าที่จะสบตาของเขาแม้แต่น้อย เขาสูงกว่าเธอมากดังนั้นด้วยระยะประชิดของทั้งสองจึงทำให้เธอสามารถมองได้เพียงที่หน้าอกของมาร์คเท่านั้นและออร่าของเขาก็กลืนกินตัวเธอ