บทที่ 7
“วันนี้ฉันจะตายใช่ไหม ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น!”
เฟนด์ไม่สะทกสะท้าน เขามองออกไปข้างนอกและเห็นว่าชาวน่า ได้พาไคลีมาหลังจากที่ไปเล่นที่ใต้ต้นไทรมาแล้ว
“ฮึ...ฉันจะดูว่าแกวางแผนทำตัวแข็งกร้าวได้ภายหลังอย่าง!”
นายน้อยคลาร์กไม่สนใจที่พูดคุยกับเฟนด์ เพราะเขาเชื่อว่าเฟนด์จะต้องเสียใจอีกในไม่ช้า
สักครู่นึงมีรถสองสามคันพุ่งเข้ามาจอดที่ด้านนอก แดน เจมสัน นักสู้อันดับหนึ่งของตระกูลคลาร์ก เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายกล้ามโตสองสามคน
ขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในบ้าน แดนก็ตะโกนถามว่า “ใครกันที่มันกล้ามารังแกนายน้อยของเรา? แกอยากตายใช่ไหม”
ตอนนี้แดนกำลังโมโหมากเมื่อเขาได้เข้าไปหาเรื่องใครบางคนที่เขาไม่สามรถจะเอาชนะได้ จนทำให้เขาต้องเสียนิ้วมือไป
เขาเพิ่งรักษาบาดแผลจากที่โรงพยาบาลเสร็จ นายของเขาก็โทรหาเขาอีกครั้ง โดยบอกว่านายน้อยคลาร์กถูกคนทำร้ายให้เขาไปจัดการจัดเรื่องนี้
“มันคือถังขยะที่ชื่อ เฟนด์ วู๊ด เป็นแค่ทหารเกษียณตัวเหม็น ที่ยังมากล้าทำตัวหยิ่งต่อหน้าฉัน!”
นายน้อยคลาร์กเริ่มพูดออกมาทันทีเมื่อเขาเห็นแดนเดินเข้ามาใกล้เขา
“ไอพวกสวะ นี่มันจริง ๆ” แดนร้องเสียงหลงขณะที่เขากำลังจะลงมือเพื่อระบายความโมโห
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคนเขาก็แทบจะตกตะลึงด้วยความกลัว
“นึกไม่ถึง ว่าจะเจอกันอีกครั้ง!”
ฟาเน่ยิ้มอย่างใจเย็นจากนั้นมองไปที่มือที่มีผ้าพันแผลของอีกฝ่าย “ดูเหมือนว่าคุณจะมีบุคลิกที่ดี คุณเป็นลูกผู้ชายจริง ๆ ที่รักษาคำพูดของคุณ!”
ตอนแรกเคนไม่เข้าใจว่าเฟนด์พูดถึงอะไร เขาขมวดคิ้วและมองไปที่แดนถามว่า “เคยเจอแล้วเหรอ”
แดนแค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพยักหน้า “นายน้อย เอ่อ...ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ทำไมเรายังไม่กลับไป”
ในขณะที่เขาพูดแดนก็ขยิบตาให้เคนสองสามครั้ง
“อาหารกลางวัน? อาหารกลางวันอะไร ให้แกไปเอาไอ้สวะนี่! ถ้าฉันไม่ได้ระบายความผิดหวังในวันนี้ ฉันก็ไม่ใช่ผู้ชาย เคนพูดไม่ออก เขาไม่เข้าใจความหมายของแดน
ผัวะ!
เฟนด์ก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้นายน้อยคลาร์ก ต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขา
“คุณ…”
“แดนจับมัน!”
ผัวะ!
“แดน…”
พลั่ก!
หลังจากต่อยติดต่อกันสองสามครั้งอาจารย์หนุ่มคลาร์กก็เกือบจะเป็นลมหมดแรง
“แดนทำไมแกกับคนของแกถึงไม่ลงมือ”
นายน้อยคลาร์กน้ำตาไหล เขารู้สึกผิดมาก เขาไม่เคยได้รับสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
แดนไม่กล้าที่จะลงมือ คนรอบตัวเขาล้วนแต่เคยเห็นมาก่อนว่ามังกรดำถูกฆ่ายังไง พวกเขาต่างก้มหน้าด้วยความกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้าแม่แต่ก้าวเดียว
“ขอโทษที่รบกวน!”
เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แดนเดินไปหาเฟนด์ และโค้งคำนับเขาด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็สั่งลูกน้องของพวกเขา “พานายน้อยกลับบ้าน!”
ทันใดนั้นพวกอันธพาลก็ประคองเคนเดินออกไปที่ประตู
“วางฉันลง แดนวันนี้แกเป็นอะไรไป ฉันขอให้แกจัดการกับมัน ทำให้มันพิการ แต่แกก็ไม่ทำ แดนทำไมวันนี้แกเป็นคนขี้ขลาดเสียจริง”
นายน้อยคลาร์กกำลังสาปแช่งไปตลอดทั้งทาง แต่ก็ไม่มีผล เขาถูกพาตัวไปเช่นนั้น
“นี่…”
ฟีโอน่าและแอนดรูว์ต่างรู้สึกล้มเหลว ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเฟนด์ต้องเสร็จแน่ ใครจะคิดว่าฉากละครน้ำเน่าแบบนี้จะตามมา?
“เป็นไปได้ไหมที่แดนจะกลัวคุณ? รู้จักกันมาก่อนเหรอ” เซเลน่าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เรื่องมันยาว!”
เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วมองไปที่ถุงขยะที่ตกอยู่บนพื้น “เซเลน่า ทำไมคุณถึงต้องมาเก็บขยะ มันเกิดอะไรขึ้นตลอดห้าปีที่ผ่านมา”
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งมีการนำเรื่องนั้นเอ่ยขึ้นมาอีก ฟีโอน่าก็เดือดดาลทันที
ด้วยความโกรธเธอเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า และกำลังจะผลักเฟนด์ออกด้านนอกประตู “ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก ไอ้ขยะ! ถ้าไม่ใช่เพราะแกบังคับลูกสาวฉัน มันจะทำให้เธอมีไคลีแล้วถูกไล่ออกจากครอบครัวแบบนี้ไหม? แกคิดว่าฉันอยากจะเก็บขยะเพื่อประทังชีวิตเหรอไง”
“แม่พอเถอะ เขาไม่ควรถูกต่อว่าในเรื่องนั้น มันเป็นการตัดสินใจของหนูเอง เขาไม่ได้บังคับฝืนใจหนู”
เซเลน่าตอบโต้กลับอย่างรุนแรง “เหตุการณ์ในคืนนั้นไม่มีอะไรน่าเสียใจ หนูไม่ได้เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง หนูจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ คุณปู่ให้หนูแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ เขาคือผู้ชายที่หนูจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย
“เป็นไปไม่ได้ มันต้องเป็นคนขี้โกงที่บังคับแกขืนใจแก มันคงใช้ประโยชน์จากที่แกเมา มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ!”
“ลูกเป็นคนของครอบครัวเทย์เลอร์ แต่มันเป็นเพียงแค่เด็กส่งของ มันจะมีอะไรคู่ควรที่จะเป็นครอบครัวกับลูกได้อย่างไร”
ฟีโอน่าปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของเซเลน่า เธอจ้องมองไปที่เฟนด์ แล้วพาลกัดฟัน “สารเลว แกต้องชดใช้ที่ทำให้ลูกสาวฉันเสียความบริสุทธิ์ โดยการหย่าและให้เธอแต่งงานกับนายน้อยคลาร์ก”
“แม่ ผมบอกคุณไปแล้ว เว้นแต่เซเลน่าจะพูดว่าต้องอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะไม่หย่ากับเธอ!”
เฟนด์พูดอย่างตั้งใจ เขามองไปที่เซเลน่าในที่สุดก็แสดงสีหน้าอ่อนโยนขณะที่เขาถามว่า “เซเลน่าคุณบอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? แม้ว่าคุณจะถูกไล่ออกจากครอบครัวเทย์เลอร์ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเก็บขยะใช่ไหม? คุณมีบริษัทในเครือตั้งมากมายและด้วยความสามารถของคุณ คุณจะหางานที่ดีไม่ได้ ได้อย่างไรกัน”
เซเลน่ายิ้มอย่างขมขื่น รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอย่างบอกไม่ถูก “คุณคิดว่าฉันต้องการให้มันเป็นแบบนี้เหรอ? หลังจากที่ฉันท้อง ฉันถูกบอกให้ไปทำแท้ง ซึ่งฉันไม่เห็นด้วยจึงถูกไล่ออกมา ฉันจะทำงานอะไรในขณะท้อง? ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่ของฉันได้ออกคำสั่งห้าม บริษัทในเครือทั้งหมดไม่ให้จ้างฉัน!”
เซเลน่าทรุดลงนั่งข้าง ๆ โต๊ะ แววตาของเธอดูน่าสงสารน่าเห็นใจ “บริษัทบางแห่งเต็มใจจ้างฉันตัวอย่างเช่น บริษัทจากตระกูลคลาร์ก แม้ว่าพวกเขาเต็มใจ แต่เงื่อนไขก็คือการทำแท้งเด็ก ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยคลาร์ก ก็คอยตามฉันมาตลอด! ฉันจะทำอะไรได้อีก? ครอบครัวเทย์เลอร์ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ฉันถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเมื่อฉันต้องไปเก็บขยะ ต่อให้ฉันทำธุรกิจหรือตั้งแผงขายของธรรมดา ๆ พวกเขาก็จะส่งคนมาทำลายธุรกิจของฉัน คุณคิดว่าฉันจะมีทางเลือกอะไรได้อีก!”
“บ้าเอ้ย!”
เฟนด์ได้ยินแบบนั้นก็ไม่สามารถทนรับฟังได้ ภรรยาของนักรบสูงสุดถูกบังคับให้เดินเก็บขยะและจากไปโดยที่ไม่คิดจะข่วยเหลืออะไร
“แกเห็นไหมทั้งหมดเป็นเพราะแก ถ้าไม่ใช่สวะอย่างแกครอบครัวของเราจะอยู่ในสภาพแย่ขนาดนี้ไหม?
ฟีโอน่ายังคงรังเกียจเขาเหมือนเดิม “แล้วดูตอนนี้พ่อของเซเลน่าขาก็หักยังต้องมาเป็นพนักงานยกกระเป๋า แกดูเขาเดี๋ยวนี้! ดู! เธอร้องไห้สะอีกสะอื้น ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้!”
“พ่อ แม่ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้!”
เมื่อเห็นฟีโอน่าร้องไห้ในสภาพที่น่าเวทนา แถมครอบครัวก็ไม่สามารถอยู่ดีกินดีได้ หัวใจของเฟนด์ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว จะไม่มีใครกล้ารังแกพวกคุณอีก!”
“แกมันก็แค่พูดเรื่องไร้สาระ!”
เสียงของฟีโอน่า สั่นอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เธอชี้นิ้วไปที่เฟนด์ “แกเป็นแค่ทหาร จะทำอะไรได้บ้าง? อย่างมากแกก็ทำได้แค่ใช้ปาก เท่าที่ฉันเห็นมันจะดีกว่านี้ 10 เท่าถึง 100 เท่า ถ้าเซเลน่าได้แต่งงานกับนายน้อย คลาร์ก หรือนายน้อยวิลสัน เมื่อเทียบกับคนอย่างแก”