บทที่ 10
หลังจากการอธิบายแผนการและรายละเอียดอันยืดยาว เกรย์สันมองไปที่คุณอาเรสด้วยความภาคภูมิใจและคาดหวัง
ในขณะที่เขากำลังคิดว่าเจย์กำลังจะชมเขาในความฉลาด เจย์กลับจ้องเขาด้วยสายตาคมกริบที่ดูเหมือนมีดมากมาย
“ย้ำคิดย้ำทำ? ออทิสติก?” เสียงของเจย์ฟังดูสงบแต่มันกลับมีความโกรธซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา
หน้าผากของเกรย์สันเริ่มหลั่งเหงื่อออกมาเป็นหยด ๆ
เกรย์สันกัดลิ้นของเขาเอง แม้ว่าท่านเจนสันจะเรื่องเยอะและเป็นเด็กเจ้าปัญหา แต่เขายังคงเป็นลูกชายสุดรักของคุณอาเรสอยู่ คนเดียวที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ท่านเจนสันได้คือตัวคุณอาเรสเองเท่านั้น
ถ้ามีใครกล้าปากเสียใส่ท่านเจนสันล่ะก็ โดยพื้นฐานแล้ว นั่นคือการขุดหลุมฝังตัวพวกเขาเอง
แน่อยู่แล้ว เจย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอันตราย “เกรย์สัน ดูเหมือนนายจะรู้จักเจนสันเป็นอย่างดี ทำไมฉันไม่มอบความรับผิดชอบในการดูแลเจนสันให้นายเลยดีล่ะ?”
ทันทีที่เจย์พูดจบ เกรย์สันพลันหน้าเสียและรีบร้องขอความเมตตา
“คุณอาเรส ผมมีครอบครัวต้องดูแล ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ท่านเจนสันเพิ่งจะทำให้คนขับรถสิบเอ็ดคนลาออกไปภายในสิบเจ็ดวันที่ผ่านมา สามคนมีอาการความดันโลหิตกำเริบ สองคนในนั้นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจจากความเครียด และห้าคนในพวกเขามีสภาพเละเทะมากจนแทบจำทางกลับบ้านไม่ได้ ส่วนคนล่าสุดถึงกับเป็นโรคจิตเภทจากความกลัวฝังใจ…”
เจย์แก้ต่างให้ลูกชายของเขา “ถ้าสุขภาพของพวกนั้นแย่มาตั้งแต่แรก งานที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างคนขับรถก็ต้องไม่เหมาะสมกับพวกเขาอยู่แล้ว”
เกรย์สันถึงกับเหงื่อแตกพลั่กด้วยความอดสู
‘ขนาดคุณอาเรสยังรู้เลยว่าการเป็นคนขับรถให้เจนสันเป็นงานความเสี่ยงสูง’ เขาพูดกับตัวเอง
เกรย์สันรวบรวมความกล้าและพยายามกล่าวปกป้องคนขับรถผู้กล้าหาญเหล่านั้น “คุณอาเรสครับ สิ่งที่อันตรายของงานไม่ใช่การขับรถ แต่เป็นเพราะท่านเจนสันคนนั้นต่างหากที่น่ากลัวเกินไป”
“ลองยกตัวอย่างมาซิ” เจย์กล่าวเบาๆ
“ผมขอเริ่มจากคุณแซคเป็นคนแรก เขามีปัญหาเรื่องโรคความดันโลหิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันหนึ่ง คุณแซคได้กล่าวชมท่านเจนสันถึงความหลักแหลมของเขา แต่ท่านเจนสันกลับตอบว่า “ไม่เท่าคุณหรอก! คุณคือประภาคารเรืองแสงแห่งความรู้เลยล่ะ!” สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติม คุณแซคเป็นคนหัวล้าน ด้วยเหตุนี้ หลังจากได้ยินคำพูดของท่านเจนสัน ความดันโลหิตของเขาก็พุ่งขึ้นเกินพิกัดเลยทีเดียว”
“และต่อมาก็คุณไลโอเนล เขาทุกข์ทรมานกับโรควิตกกังวลและมักจะมีอาการเปลือกตากระตุกบ่อยๆ ท่านเจนสันก็ไปบอกว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อขั้นร้ายแรง ไลโอเนลผู้น่าสงสารถึงกับเป็นโรคแพนิคและถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาเป็นการด่วน”
คิ้วของเจย์ย่นลงเล็กน้อย
‘ปากอันร้ายกาจของเจนสันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสินะ’ เขาตั้งข้อสังเกตอย่างเงียบงัน
เจย์กำลังวิเคราะห์ว่าทำไมการกระทำของเจนสันถึงได้เหมือนเขานัก
เจย์เรียบเรียงความคิด ‘เจ้าเด็กนี่มักจะเกลียดคนแปลกหน้าเข้ากระดูกดำ และนั่นมักจะเป็นเพราะเราเสมอ’
เจย์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุกหัวใจเขา เขาตัดสินใจจะจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างเพื่อรักษาทัศนคติที่แข็งกร้าวของเจนสัน
“เกรย์สัน เราจะทำตามแผนของนาย” เจย์ตอบขึ้นมาอย่างกะทันหัน “หาวิธีบังคับให้โรสตกลงเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้เจนสันให้ได้”
เกรย์สันดูค่อนข้างเคอะเขินก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม “แค่คุณนายโรสหนีไปแล้วนะครับ การจะตามจับเธอตอนนี้คงยากพอ ๆ กับสมัยเมื่อห้าปีก่อน”
เจย์พ่นลมหายใจ “โอ้ มันจะเป็นแบบนั้นแน่เหรอ?”
ดวงตาของเกรย์สันเปล่งประกายด้วยความเข้าใจ จริงด้วย...คุณนายโรสส่งใบเอกสารข้อมูลแม่ของเธอเพื่อการรับการรักษาในโรงพยาบาลไปแล้ว เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
‘ฉันคิดว่าคุณอาเรสคงคิดทุกอย่างไว้แล้วแน่’
…
ชุมชนเจิดจรัส
ทันทีที่โรสกลับถึงบ้าน เธอรีบมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อลบร่องรอยของการถูกทำร้าย จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวก่อนจะออกไป
เมื่อเธอเห็นเด็กๆทั้งสองของเธอกำลังตั้งใจดูรายการทีวีอย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องติวหนังสือ เธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก เธอจึงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารแทน
ในห้องติวหนังสือ เด็กน้อยทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนพื้น มองจ้องไปที่หน้าจอ เมื่อแน่ใจจากแอบตรวจดูว่าแม่ของพวกเขาไปแล้วรึยัง ร็อบบี้น้อยพลันสั่งน้องสาวของเขาทันที “เร็วเข้า ไปปิดประตู พี่มีอะไรเจ๋ง ๆ จะให้น้องดู”
เซ็ตตี้รีบย่องไปปิดประตูและล็อคมันจากด้านใน
เมื่อปิดประตูเสร็จ เธอพุ่งเข้าไปหาพี่ชายของเธอด้วยความคาดหวัง
“พี่จะให้หนูดูอะไรเหรอ?” เซ็ตตี้น้อยมองร็อบบี้น้อยด้วยความตื่นเต้น
ร็อบบี้น้อยยื่นมือขวาที่กำแน่นออกมา เมื่อเขาคลายนิ้วมือออก มันก็มีที่หนีบเนคไทด์อยู่บนฝ่ามือของเขา
ไร้ซึ่งความประทับใจ เซ็ตตี้น้อยบ่นงึมงำ “มันก็แค่ที่หนีบเนคไทด์ไม่ใช่เหรอ?”
“นี่ไม่ใช่ที่หนีบธรรมดา”
“อย่างมากที่สุด มันก็คงเป็นแค่ที่ที่หนีบเนคไทด์ที่แพงมากๆ” เซ็ตตี้น้อยเบะปากด้วยความดูถูก
ร็อบบี้น้อยกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย “น้องจะไปรู้อะไร พี่เอาเจ้าที่หนีบมาจากคนชั่วที่ลักพาตัวคุณแม่ไป นี่คือหลักฐาน เราใช้ที่หนีบนี่เพื่อตามหาว่าใครเป็นคนร้ายที่จับคุณแม่ไปได้”
เซ็ตตี้น้อยมองพี่ชายด้วยความนับถือ “ถ้าเราหาคนร้ายเจอ เราจะแก้แค้นให้คุณแม่ได้ไหม?”
ดวงตาของร็อบบี้น้อยวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “แน่นอนสิ พี่โตแล้ว ในฐานะที่พี่เป็นชายชาตรี พี่สาบานว่าจะปกป้องน้องและคุณแม่ตลอดไป”
เซ็ตตี้น้อยหยิบที่หนีบเนคไทด์ขึ้นมาดูและพิจารณามัน “เราจะตามหาตัวเจ้าของที่หนีบนี่ยังไง?”
ร็อบบี้น้อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดูคำที่เขียนบนที่หนีบสิ”
เซ็ตตี้น้อยพลิกดูอีกด้านและเห็นเข้ากับตัวอักษรนูนๆบนที่หนีบเนคไทด์
“เจย์ อาเรส!” เซ็ตตี้อ่านชื่อนั้นออกมาเสียงดัง
ร็อบบี้น้อยเปิดเสียงรายการที่พวกเขาดูอยู่ให้ดังขึ้น แต่เขาย่อจอรายการลงไปที่มุมล่างทางขวา
จากนั้นเขาก็เปิดเว็บค้นหาและใส่คำว่า “เจย์ อาเรส” ลงในช่องค้นหา
“ฉันว่าแล้ว เจ้าอันธพาลที่อยู่ในห้องรับรองของประธานของโรงพยาบาลแกรนด์เอเซียเป็นมหาเศรษฐีจริง ๆ ด้วย ดูสิเซ็ตตี้ หมอนี่เป็นประธานของโรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย....โว้ว รายได้เยอะมากเลยนะเนี่ย”
ร็อบบี้ค้นหาไปถึงวิกิพีเดียเว็บไป่ตู้ของเจย์ เขาคร่ำครวญ “แย่ชะมัด มันไม่มีรูปของเขา”
เซ็ตตี้กล่าวด้วยความหลักแหลม “คนร้ายแบบเขาไม่มีทางกล้าลงรูปของตัวเองหรอก”
ร็อบบี้เผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมากะทันหัน “ฮึ่ม นายกล้าดียังไงมารังแกคุณแม่ รอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้นายลิ้มรสความโกรธของฉัน”
หลังจากลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง ผลงานของเขาก็เสร็จสิ้น
เขาใช้นามแฝงในฐานะแฮ็คเกอร์ว่า—มาสเตอร์ ร็อบบี้—ในการเจาะเข้าไปในระบบเครือข่ายของโรงพยาบาลแกรนด์เอเซีย ซึ่งทำให้เขาถึงกับอารมณ์ขึ้นกับการหาคีย์ระบบเครือข่าย เขาทำการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บอันสวยงามของแกรนด์เอเซียให้พังทลายลงพร้อมกับฝากคำท้าทายไว้ ซึ่งเขียนไว้ว่า:
“เจย์ อาเรส นายกล้าทำร้ายสาวสวยได้ยังไง? แสดงตัวออกมา เราจะได้สู้กันอย่างยุติธรรม อย่างแมน ๆ! ถ้านายชนะการท้าทายของฉันได้ ก็ดีใจด้วย อ้อใช่ ฉันเคยบอกรึยังว่าฉันอายุห้าขวบ…”
เมื่อเขาเสร็จธุระ ร็อบบี้ปิดคอมพิวเตอร์ของเขา และสอง”ผู้ใหญ่”ร่างจิ๋วก็ออกไปข้างนอกห้อง เพื่อทานมื้อกลางวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แทบจะในทันที คนของแกรนด์เอเซียก็ตรวจพบความผิดปกติของระบบเครือข่าย ชั่วขณะนั้นพวกเขาก็รีบนำเรื่องนี้ไปรายงานเจย์ทันที
“คุณอาเรส เรามีข่าวร้าย! เครือข่ายของเราถูกพวกแฮ็คเกอร์เจาะระบบได้ครับ!”