บทที่ 6
หลิง อี้หราน ตอบ “ฉันไม่เข้าใจการยกย่องของคุณ”
ภายใต้ฤิทธิ์ของแอลกอฮอร์ ผู้ช่วยผู้กำกับเหอพุ่งตรงเข้าไปที่ หลิง อี้หราน และตบหน้าของเธอหันไปด้านขวาอย่างจัง แล้วกล่าวว่า “ถ้าผมอยากให้คุณดื่ม คุณก็ต้องดื่ม ทำไมคุณถึงทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่ ทั้ง ๆ ที่คุณมันเป็นแค่คนล้มเหลวคนนึง”
ขณะที่เขาพูด เขาหยิบขวดแอลกอฮอร์ขึ้นมาและกรอกเข้าที่ปากของเธอ
หลิง อี้หราน ต้องการที่จะผลักเขาออกไป แต่ความแข็งแกร่งของผู้ชายนั้นมากกว่าผู้หญิงมากไม่ต้องพูดถึงเลยว่า หลิง ลั่วอิน กำลังช่วยตาผู้ช่วยผู้กำกับจากด้านข้างอยู่
ผู้ช่วยผู้กำกับเหอรู้สึกปลื้มใจสำหรับความช่วยเหลือของหลิง ลั่วอิน และกล่าวว่า "ลั่วอิน คุณยังฉลาดนะ ฉันจะคุยกับผู้กำกับและให้ซีนเธอมากขึ้น"
โดยธรรมชาติแล้ว หลิง ลั่วอิน ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก “ขอบคุณผู้ช่วยผู้ช่วยผู้กำกับเหอค่ะ พี่สาวของฉันไม่ฉลาดดังนั้นโปรดเข้าใจด้วยค่ะ”
หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอถูกบังคับให้ดื่มไวน์ไปมากแค่ไหน ความต้านทานต่อแอลกอฮอล์ของเธอไม่ดีนักและในขณะนั้นเธอรู้สึกมึนเมาเล็กน้อย เธอพยายามควบคุมสติเป็นครั้งสุดท้าย “ฉัน… ฉันอยากกลับ…”
“ได้สิ ผมจะพาคุณกลับไปเเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้ช่วยผู้กำกับเหอประคองหลิง อี้หราน ด้วยแขนทั้งสองของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยตัณหา
ผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้นไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดเย้ายวนอารมณ์ทางเพศเลยเเต่เมื่อเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ ครั้งหนึ่งเคบเป็นเเฟนกับคุณเซียว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้ช่วยผู้กำกับก็ดังขึ้น
เดิมทีเขาต้องการวางสาย แต่เมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเขาก็ยังหยิบมันขึ้นมา แล้วนั่นก็คือผู้กำกับที่โทรมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กำกับคนนี้ซึ่งเป็นพี่ชายของเขา เขาพึ่งบารมีพี่ชายของเขาเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่รับสายโทรศัพท์ ผู้ช่วยผู้กำกับเหอก็รู้สึกเหมือนได้ตื่นจากอาการมึนเมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงเเละหายใจเร็วขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร… ได้อย่างไรกัน? เธอ เธอ… เธอมันแค่คนงานสุขาภิบาลที่ไม่มีภูมิหลังอะไร แม้ว่าแฟนเก่าของเธอจะเป็นเซียว จื่อฉี แต่ตอนนี้เซียว จื่อฉี ก็มีคู่หมั้นเเล้ว เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องแยเเสเธอเลย ถ้าไม่อย่างนั้นแฟนเก่าของเขาจะมาเป็นคนงานสุขาภิบาลทำไมกัน?
“อย่างไรก็ตามแกอย่าได้กล้าที่จะเเตะต้องผู้หญิงคนนี้ และแกก็ต้องปล่อยเธอออกไปอย่างปลอดภัย แกต้องรู้ว่าเจ้านายของบริษัทแกเองโทรมาเตือนฉันเเล้ว เจ้านายยังบอกอีกว่าถ้าในคนนี้เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ ทีมงานฝ่ายผลิตทั้งหมดจะถูกไล่ออกในวันพรุ่งนี้ และสำหรับแก แกจะไม่ได้อยู่ในเมืองเฉินอีกต่อไป” ผู้กำกับเหอ กล่าว เมื่อเขานึกถึงคำเตือนที่จริงจังของเจ้านายในตอนนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“เป็นไปได้อย่างไร? มูลค่าการลงทุนกว่าร้อยล้านดอลลาร์? ไล่ออกงั้นเหรอ?” ผู้ช่วยผู้กำกับถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ผู้หญิงคนนี้มันเป็นใครกัน?”
“แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ? แต่แกคือคนที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงนี่ ถ้าแกกล้าที่จะเเตะต้องเธอแม้แต่ปลายผม เดี๋ยวดูกันว่าฉันจะทำกับแกอย่างไร!" ผู้กำกับเหอพูดอย่างกระโชกโฮกฮาก “แล้วตอนนี้เธอเป็นยังบ้าง? สบายดีอยู่อยู่ ใช่ไหม?”
ผู้ช่วยผู้กำกับเหออยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่มีน้ำตาให้ออกมาเลย เขาไม่กล้าที่จะพูดว่า เขาตบหลิง อี้หราน และบังคับให้เธอดื่มไวน์ไปครึ่งขวด
ตอนนี้หลิง อี้หราน เดินโซซัดโซเซเพื่อเปิดประตูห้องส่วนตัวและออกไป หลิง ลั่วอิน ก้าวไปข้างหน้าและพยายามหยุดเธอ การเสียสละของเธอ น้องสาวของเธอไม่ได้สนใจอะไรตราบใดที่เธอจะมีชื่อเสียง
สิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือ ผู้ช่วยผู้กำกับเขาพุ่งไปตบเธออย่างแรง หลิง ลั่วอิน สะดุดและเกือบล้มลงกับพื้น
“ทำไมคุณไม่หยุดเธอ?” มันรู้สึกเหมือนกับว่าผู้ช่วยผู้กำกับเหอเกลียด หลิง ลั่วอิน แทบจะตายเเล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยัยผู้หญิงคนนี้ เขาคงไม่ต้องมาลงเอยกับความยุ่งเหยิงนี่หรอก?
หลิง ลั่วอิน มองไปที่ผู้ช่วยผู้กำกำกับเหอด้วยความตกใจขณะที่เขาเปิดประตูด้วยความเคารพ เขาปล่อยให้หลิง อี้หราน เดินออกจากห้องไป “ผู้ช่วยผู้กำกับ ทำไมคุณถึง... ?”
“เธอพยายามจัดฉากฉันเหรอ? พี่สาวของเธอเป็นใคร?” ผู้ช่วยผู้กำกับเหอถามอย่างเครงเครียด
หลิง ลั่วอิน มองใบหน้าของเธออย่างว่างเปล่า “มีโล่อันใหญ่ที่ปกป้องหลิง อี้หราน? ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้?!"
ตอนนี้หลิง อี้หราน เดินโซซัดโซเซออกมาจากห้อง ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ลอยบนอากาศและการมองเห็นของเธอก็พร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันต้องกลับไป… ฉันต้องกลับไปอย่างรวดเร็ว ฉันจะตกอยู่ในอันตรายถ้าหมดสติไปข้างนอก
เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบอกตัวเองว่ากำลังจะกลับบ้าน แต่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้
“ที่ไหน… ฉันควรไปที่ไหนดี?”
ร่างสูงที่พล่ามัวปรากฎต่อสายตาของเธอ ร่างสูงนั้น… ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยและทำให้เธอสบายใจ เธอรู้สึกว่าตราบใดที่ร่างนั้นอยู่ตรงนั้นเธอจะปลอดภัย
หลิง อี้หราน เดินเข้าไปหาร่างนั้นทีละก้าวด้วยความยากลำบาก ในที่สุดเธอก็มาถึงตรงหน้าสิ่งนั้น เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ร่างสูงนี้ ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูเหมือนจะไม่ได้โฟกัสเลย แต่ริมฝีปากของเธอเผยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะช่วยลดภาระอันหนักอึ้งนี้ได้ “จิน...”
ในวินาทีต่อมาในที่สุดเธอก็ปิดเปลือกตาลง ร่างกายที่เอนไหวของเธอก็ล้มลง
เขาจับร่างที่ล้มลงของเธอด้วยแขนข้างเดียว อี้ จิ่นหลี จ้องไปที่แก้มของผู้หญิงในอ้อมกอดของเขา นิ้วของเขาค่อย ๆ ลูบไล้ไปบนแก้มที่มีรอยตบอย่างชัดเจนของเธอ แววตาของเขาส่องสะท้องถึงความเยือกเย็น
“นายน้อยอี้ครับ” เกา ฉงหมิง วางโทรศัพท์มือถือลงไว้ในมือและอธิบายถึงสถานการณ์ที่เขาพบอย่างละเอียด “คุณหลิงถูกบังคับให้ดื่มไวน์แดงแล้วเธอก็ถูกตบครับ”
"อย่างนั้นเหรอ? ทำลายมือของคนที่ตบเธอซะ" ยี่ จินลี่พูดแล้วอุ้ม หลิง อี้หราน ขึ้นและนั่งลงในรถ
เกา ฉงหมิง ถึงกับตกใจ “นายน้อยอี้ ป้องป้องหลิง อี้หราน?” ก่อนหน้านี้นายน้อยอี้ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการแก้เเค้นเมื่อคู่หมั้นของเขาเสียชีวิต แต่ตอนนี้ ด้วยจำเลยความผิดในอุบัติเหตุครั้งนั้นเขา …
ภายในรถ อี้ จิ่นหลี รู้สึกอย่างเดียวว่ารอยบนแก้มของเธอสะดุดตามาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นแค่ของเล่นสำหรับเขา แต่ทำไมเขาถึงเป็นทุกข์เมื่อเห็นว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากกระทำของใครบางคน
น่าสงสารงั้นหรือ? แต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกสงสารใคร?
—
เมื่อหลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นเพดานของบ้านเช่าและ... ใบหน้าที่คุ้นเคย
“จิน!” หลิง อี้หราน ลุกขึ้นนั่งทันที แต่ศีรษะของเธอนั้นก็ปวดตุบ ๆ ทันใดนั้นเธอก็หายใจเข้าลึก ๆ และพูดหลังจากนิ่งไปสักพักว่า "อย่างไร... ฉันกลับมาที่นี่ได้อย่างไรกัน? เห็นได้ชัดว่าฉันอยู่ที่คลับเฮาส์…”
ฉากก่อนหน้าในห้องนั้นฉายซ้ำในความคิดของเธอ และการแสดงออกของเธอก็ค่อย ๆ มืดมัวลง
"ผมเห็นพี่ออกมาจากทางเข้าคลับนั่น ผมก็เลยพาพี่กลับมา" อี้ จิ่นหลี กล่าว
“แต่ฉันไม่ได้บอกนายว่าฉันไปที่นั่นนี่นา”
"ตอนที่พี่รับโทรศัพท์ผมได้ยินที่อยู่" เขากล่าว “พี่อยากดื่มน้ำสักหน่อยไหม? จะรู้สึกดีขึ้น”
เขายื่นแก้วน้ำอุ่นให้กับเธอ เธอจิบมันสักสองสามครั้งแล้วรู้สึกสบายตัวขึ้น
“ฉันไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ ตอนที่ฉันเมาเหรอ?” เธออดไม่ได้ที่จะถาม
บทที่ 7
"ไม่" เขาพูด แต่เขาจำได้ว่าหลังจากที่เขาอุ้มเธอกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ ตอนที่เขาจะวางเธอลงบนเตียงทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาลงบนเตียงมองเขาด้วยสายตาที่เมามายของเธอ
ในขณะนั้นเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงประมาทขนาดนี้ ถ้าเป็นคนที่ต้องการฆ่าเขา เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
เขาเฝ้าระวังมาตลอด เขาปล่อยการ์ดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น เธอเอามือแตะใบหน้าของเขาด้วยมือของเธอและปัดผมม้าหนา ๆ บนหน้าผากของเขาออกไปและแตะโดนที่ดวงตาของเขาด้วยปลายนิ้วของเธอ
“ดวงตาของนายสวยมากเลย… ฉันชอบ… ตาคู่นั้นมากเลย…” เธอพึมพำ
"ชอบ?" คำนี้มันไม่ได้แปลกสำหรับเขา เพราะว่ามีผู้หญิงมาบอกว่าชอบเขาและชอบตาของเขาเสมอ
บางทีดวงตาของเขาอาจเป็นเพียงส่วนเดียวที่คล้ายกับแม่ของเขา
ในอดีตตอนที่เขายังเด็ก พ่อของเขามักจะมองตาเขาและหลงอยู่ในความคิด พ่อของเขาจะบ่นกับเขาว่า "แววตาของลูกดูเหมือนมันจะอ่อนโยนบริสุทธิ์มาก แต่ในความเป็นจริงมันโหดเหี้ยมที่สุด พ่อไม่รู้ว่าในอนาคตลูกจะมีอารมณ์อ่อนโยนหรือโหดเหี้ยม"
"หืม เพราะ... เอ่อออ... มันบริสุทธิ์.. " เธอเรอ
“บรสุทธิ์เหรอ?!” เขาหัวเราะเยาะ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอธิบายว่าดวงตาของเขานั้นบริสุทธิ์
"มันเหมือนกับว่า... มันไม่เคยแปดเปื้อนจากบาปใด ๆ... มันบริสุทธิ์มาก... " เธอเมามากจนดูเหมือนไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของเธอเกือบจะสัมผัสกับเขา “ จินไม่ต้องกลัว... ฉันจะ... ปกป้องนายเอง...”
หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็เมามากจนนอนหนุนหน้าอกของเขาและหลับไป
"ปกป้องฉันเหรอ? ผู้หญิงคนนี้ยังไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตัวเองได้เลย แต่เธอต้องการที่จะปกป้องฉันงั้นเหรอ? ตลกดีแฮะ!"
ในขณะนั้นเขามองไปที่เธอและพูดว่า "พี่สาว พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่แค่หลับไป"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดวงตาของเขาตกลงตรงส่วนที่บวมแดงบนแก้มของเธอ “หน้า เจ็บหรือเปล่า?”
เธอชะงักแล้วพูดว่า "สบายดีสิ" นี่คือความจริง อย่างไรก็ตามเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่เลวร้ายยิ่งกว่าอะไรในคุก
“เมื่อวานนี้มันเกิดอะไรขึ้น? พี่ได้รับบาดเจ็บและเมาได้อย่างไร” เขาจ้องมองเธอและถาม
"ไม่มีอะไรฉันแค่เจอคนขี้เหล้าและเกิดความขัดแย้งกันนิดหน่อย" เธอพูดเบา ๆ เธอไม่อยากเล่าเรื่องแย่ ๆ ให้เขาฟังจากเมื่อคืน
เธอมักจะรู้สึกว่าเขาสะอาดบริสุทธิ์ แม้ว่าเขาจะเร่ร่อนอยู่บนถนนก็ตาม แต่เขาก็ยังบริสุทธิ์ไร้มลทิน ถ้าเป็นไปได้เธอหวังว่าเขาจะอยู่ในลู่ทางอย่างนั้น
“อย่างนั้นเหรอ?” เขากะพริบตาเล็กน้อย เขายับยั้งประกายในดวงตาของเขา “มันจะดีกว่านี้ถ้าผมไปถึงเร็วกว่านี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น พี่ก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
ในความเป็นจริง มันไม่จริงเลยที่เขาไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างเร็วกว่านี้ นี่เป็นเพียงแค่เกมที่เพิ่มความสนุกให้กับชีวิตอันน่าเบื่อของเขานี้ เขาคาดไม่ถึงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเข้าไปในห้องส่วนตัวนั้น
แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ กลับพบว่าเขาไม่มีความสุขเลย
"มันดีเพียงพอแล้วที่นายมาที่คลับเพื่อมารับฉันไม่อย่างนั้นฉันอาจจะนอนอยู่ข้างถนนก็ได้" หลิง อี้หราน พูดและดึงมือเขาเข้ามา "ขอบใจนะจิน มันดีมากที่มีนายอยู่ที่นี่และฉันก็สบายดีจริง ๆ มันก็แค่ตบหน้าฉันเอง ไม่มีอะไร"
รอยยิ้มของเธอบางเบาราวกับก้อนเมฆและสายลม แต่ทำไมเขาถึงยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างหมองหม่น?
—
"อะไรนะ? หลิง ลั่วอิน หลอกให้เธอไปดื่มกับผู้ชายงั้นเหรอ? นางนั่นมันไร้ยางอาย ฉันจะไปหาเธอ!" ชิน เหลียนอี ไปหาเพื่อนของเธอในวันนั้นและเห็นว่าใบหน้าของ หริง อี้หราน ยังคงแดงและบวมอยู่ แล้วเธอพบว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากถามหลิง อี้หราน
"แล้วไงยังไงล่ะ?" หลิง อี้หราน รั้ง ชิน เหลียนอี เอาไว้ "ฉันประมาทเกินไปฉันคิดว่าเธอจะพยายามหาเงินจากฉันให้มากที่สุด ฉันไม่ได้คาดว่าจริง ๆ ... แต่โชคดีที่จินมารับฉันตอนที่ฉันเมา"
“จิน?”
"เขาเป็นคนที่อาศัยอยู่กับฉันตอนนี้ ฉันคิดว่าเขาเป็นน้องชายของฉันไปซะเเล้ว ฉันให้เขาเรียกฉันว่า 'พี่สาว' ล่ะ" หลิง อี้หราน กล่าว เมื่อเธอพูดถึงจิน และรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอโดยไม่รู้ตัว
“น้องชายเหรอ? เขาอายุเท่าไหร่กัน?” ชิน เหลียนอี ถาม
"อายุยี่สิบเจ็ดปี อ่อนกว่าฉันไม่กี่เดือนน่ะ"
ชิน เหลียนอี แทบจะสำลักน้ำลาย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนของเธออาศัยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง
"เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย? ถ้าเขามีเจตนาชั่วร้าย เธอเคยคิดบ้างไหมว่าเธออาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้? คุณเรียนกฎหมายไม่ใช่หรือไง? มีหลายกรณีที่ชายและหญิงเช่าที่ร่วมกันไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์ปัจจุบันของคุณอันตรายกว่าการแชร์อพาร์ทเมนต์กับคนอื่นเสียอีก!"
"ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร แต่เหลียนอี กับคนที่อาศัยอยู่กับฉัน ฉันไม่รู้สึกเหมือนว่าฉันเหงาเลยนะ เเถมจินก็เป็นคนดีอีกด้วย"
“หมายความว่ายังไงที่รู้สึกเหงาน่ะ? เธอยังมีฉันไม่ใช่หรือไง!?” ชิน เหลียนอิน กล่าว “ทำไมฉันไม่ย้ายออกไปอยู่กับเธอนะ?”
“อย่าทำอย่างนั้นเลย พ่อแม่ของเธอจะยิ่งเกลียดฉันมากขึ้น ถ้าเธอย้ายออกจากบ้าน” หลิง อี้หราน พูดอย่างรีบร้อน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอไม่ได้ดื่มแต่หลักฐานทั้งหมดดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าเธอขับรถภายใต้การเมามายขาดสติ ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอยกเว้นเหลียนอี
และในช่วงสามปีที่เธอถูกจำคุกนั้น เหลียนอียุ่งอยู่กับคดีของหลิง อี้หราน เธอเคยเลิกเรียนต่อต่างประเทศสิ่งนี้ทำให้พ่อแม่ของเหลียนอีโกรธ หลิง อี้หราน มาก, เพราะพวกเขาคิดว่าเธอทำให้งานของเหลียนอี ล่าช้า
และมันก็เป็นความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้เหลียนอีคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแทนที่จะเป็นนักออกแบบนามแฝงในบริษัทสถาปัตยกรรม
“ยิ่งไปกว่านั้นจินก็เหมือนน้องชายคนเล็กของฉัน เธอก็รู้นี่ว่าที่ผ่านมาฉันอยากมีน้องชายมาตลอดเลย ตอนนี้ในที่สุดความปรารถนาของฉันก็เป็นจริงแล้ว” หลิง อี้หราน กล่าว
ชิน เหลียนอี รู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะห้ามปรามเพื่อนที่ดีของเธอได้ เธอเพียงอดทนกับตัวเลือกที่สองเพียงเท่านั้น "ครั้งหน้าให้ฉันพบกับเขาหน่อยแล้วกัน" หลังจากที่เธอได้พบกับจินแล้ว ชิน เหลียนอี ก็รู้สึกสบายใจ
“แน่นอน” หลิง อี้หราน ตอบ
“อย่างไรก็ตามนี่เป็นสำนวนของคดีของเธอในตอนนั้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันพบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย” ชิน เหลียนอี้ กล่าวขณะที่เธอส่งเอกสารหลายชุดให้กับ หลิง อี้หราน "เนื่องจากเธอได้รับการปล่อยตัวแล้ว เธอวางแผนที่จะเปิดคดีนี้อีกครั้งไหม?"
"ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าจะหาพยานได้จากที่ไหนและหลักฐานทั้งหมดยังชี้มาที่ฉัน ฉันไม่สามารถย้อนคำตัดสินได้เป็นเวลาสามปีแล้ว แม้ว่าในอนาคต..."
"บางทีเราอาจจะหาโอกาสพลิกคดีในอนาคต อย่าลืมว่าเธอคือหลิง อี้หราน และ หลิง อี้หราน ที่ฉันรู้จัดจะไม่ยอมแพ้อย่างง่าย ๆ แน่นอน" ชิน เหลียนอี กล่าว
หลิง อี้หราน ยิ้มอย่างขมขื่น บางทีเธออาจจะพยายามพลิกคำตัดสินของตัวเองเมื่อสามปีก่อน แต่หลังจากใช้เวลานานถึงสามปีในคุก จิตวิญญาณของเธอก็ถูกลบล้างไปด้วยความเจ็บปวด
หลิง อี้หราน นำเอกสารข้อมูลมากมายกลับไปที่ห้องเช่า เธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องและจินก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน
“เขาน่าจะยังแจกใบปลิวอยู่นะ เขาทำแบบนั้นมาสองสามวันแล้ว”
หลิง อี้หราน นึ่งข้าวโพดสองฝัก ปรุงผัดง่าย ๆ ทำซุปหนึ่งชามและรอการกลับมาของจิน