บทที่ 3
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮาร์วี่ย์ก็มาถึงบริษัทของแมนดี้ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไป รปภ. คนหนึ่งก็หยุดเขาด้วยกระบองเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกมึนงง ทันใดนั้น รปภ. คนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ออกไปซะ! เราไม่อนุญาตให้คนขอทานเข้าไปในบริษัทได้”
ฮาร์วี่ย์ที่เพิ่งตื่นนอนและเขายังไม่ได้อาบน้ำอาบท่า นอกจากนี้เขายังสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่มีรอยปะ ซึ่งดูแล้วเขาเหมือนขอทานข้างถนนซะจริงๆนั่นแหละ
อย่างไรก็ตามฮาร์วี่ย์ก็เคยชินกับเรื่องแบบนั้นไปเสียแล้ว เขายิ้มและพูดว่า “คุณครับ ผมเอาเอกสารมาส่งให้กับภรรยาของผมครับ”
“คุณมองไปรอบๆสิ มีภรรยาของคุณหรือเปล่า? รปภ. รู้สึกสงสัย “หรือจะเป็น ซาร่า แม่บ้านทำความสะอาดละ หรือจะเป็นผู้หญิงที่ทำความสะอาดอยู่ในครัวข้างหลัง ลิลลี่หรือเปล่า?
“ภรรยาของผมชื่อแมนดี้ครับ” ฮาร์วี่ย์บอกออกไป
รปภ. ตกตะลึงในทันที แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน "ผมเข้าใจแล้วละ คุณเป็นลูกเขยของตระกูลซิมเมอร์งั้นหรอ” แต่เขาไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
ฮาร์วี่ย์ส่ายหัวไปมา มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยเนื่องด้วยว่าเขามีชื่อเสียงมาก
"เอาเถอะ ส่งเอกสารนั้นมาให้ผม นายหญิงซิมเมอร์ขอให้ผมรับเอกสารจากคุณเมื่อคุณมาถึงที่นี่” รปภ. บอกเขา
“ไม่” ฮาร์วีย์ส่ายหัวด้วยความมุ่งมั่น “น้องสะใภ้ของฉันบอกว่ามันค่อนข้างสำคัญมาก ดังนั้นฉันต้องส่งให้ถึงมือของภรรยาของฉันด้วยตัวเอง คุณช่วยหลีกทางออกไปได้ไหม…”
"คุณ!" รปภ. ชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์อย่างทำอะไรไม่ถูก ‘เขาบ้าไปแล้วเหรอ? เขาไม่รู้หรือไงว่าคนในตระกูลซิมเมอร์ไม่ชอบเขา? นอกจากนี้เขายังแต่งตัวแบบนี้ เขาไม่กลัวว่ามันจะทำลายภาพลักษณ์ของบริษัทเลยหรือไง? '
ในขณะที่พวกเขากำลังเจรจากันอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกเขา หลังจากนั้น รถ BMW ซีรี่ส์ 5 ได้มาจอดเทียบคู่กับจักรยานไฟฟ้าของฮาร์วี่ย์ จากนั้นพวกเขาก็เห็นดอนลงมาจากรถพร้อมกับช่อดอกกุหลาบในมือ
“ดีใจที่ได้พบคุณที่นี่มิสเตอร์แซนเดอร์!” เมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นดอนที่เดินลงมาจากรถ รปภ. ก็เข้าไปประจบสอพลอในทันที และพูดว่า “มิสเตอร์แซนเดอร์ครับ โปรดมาทางนี้ครับ นายหญิงซิมเมอร์รอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนานแล้ว”
ดอนพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็หันหลังเดินเข้าไปในบริษัท โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองฮาร์วี่ย์เลยด้วยซ้ำ
ฮาร์วี่ย์กำลังจะเดินเข้าไปในบริษัทด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น รปภ. ก็ขวางกั้นเขาไว้ด้วยกระบองอีกครั้ง
“คุณทำอย่างนี้ความความว่าอย่างไร? ทำไมเขาถึงได้เข้าบริษัท ทั้งๆที่ผมไม่ได้เข้าไปอย่างนั้นหรือ? ฮาร์วีย์จ้องไปที่ รปภ. และถามออกไป
รปภ. ถอนหายใจและพูดว่า “ฮาร์วี่ย์ คุณเป็นเพียงแค่ลูกเขย คุณจะไปเปรียบเทียบกับมิสเตอร์แซเดอร์เขาได้ยังไง? ดูสิน้ำหอมและดอกกุหลาบในมือของเขามีราคามากกว่าร้อยดอลลาร์ คุณมีเงินมากขนาดนั้นไหมละ? จากสิ่งที่ผมเห็น ในไม่ช้าคุณคงจะไม่ได้เป็นลูกเขยของพวกเขาแล้วล่ะ”
ฮาร์วี่ย์นิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและถามว่า “คุณหมายถึงอะไร”
“ผมหมายถึงอะไรอีกละ? คุณโง่หรือเปล่าที่คุณมาปรากฎตัวที่นี่? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนก่อนมันแพร่กระจายไปทั่วเมือง ใครๆต่างก็รู้กันดีว่ามิสเตอร์แซนเดอร์กำลังตามจีบนายหญิงซิมเมอร์อยู่ ช่างเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันดีนะ กลับมามองดูที่ตัวคุณเองสิ! คุณดูน่าสมเพชและไร้ค่าอย่างนี้ ผมสงสัยจริงๆว่าทำไมนายหญิงซิมเมอร์ถึงยอมตกลงแต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก” รปภ. พูดแทรกขึ้นมา
...
ในขณะเดียวกัน ลิฟต์ในล็อบบี้ของบริษัทก็เปิดออก พร้อมด้วยแมนดี้ที่เดินออกมาจากลิฟต์ในชุดเดรสลายดอกไม้ เธอดูมีเสน่ห์และสวยงามมาก
ในขณะนั้นเธอเห็นดอน เธอยิ้มทักทายและพยักหน้าให้เขา จากนั้นเธอก็พูดว่า “สวัสดีค่ะมิสเตอร์แซนเดอร์ ฉันกำลังรอคุณอยู่เลย”
ดอนหรี่ตาลงและความโลภปรากฏอยู่ลึกๆในดวงตาของเขา แต่มันก็แทบจะมองไม่เห็น
เขาเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวและยื่นช่อดอกไม้ให้เธอ เขายิ้มอย่างเสแสร้งและพูดว่า “เคยมีคนบอกไว้ว่าควรมอบของขวัญที่วิเศษให้กับคนที่สมควรได้รับมัน แมนดี้คุณสวยเหมือนดอกไม้ ดังนั้นมีแค่คุณเท่านั้นที่คู่ควรที่จะได้รับช่อดอกไม้นี้”
แมนดี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนได้ดี ดอนได้ขอเธอแต่งงานต่อหน้าทุกคนและตอนนี้เหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นที่รู้กันในนิอัมมี่ แล้วตอนนี้เขายังไล่ตามจีบเธอด้วยท่าทางอุกอาจเช่นนี้
ตอนแรกแมนดี้ลังเลที่จะพบกับดอน แต่เพื่อบริษัทของเธอกำลังต้องการเงินทุนจำนวนมาก มันทำให้เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากดอน
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้นแมนดี้ก็ยิ้มและพูดว่า “มิสเตอร์แซนเดอร์ คุณก็ชมฉันเกินไปค่ะ ฉันเชิญคุณมาในวันนี้เพราะฉันต้องการเจรจาข้อตกลงทางธุรกิจกับคุณ ฉันจะรับของขวัญจากคุณได้อย่างไร”
ดอนยิ้มอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยครับ และก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก แมนดี้คุณบอกว่าคุณไม่ต้องการของขวัญจากผม หรือคุณคิดว่ามันยังไม่ดีพอใช่ไหม แล้วถ้านี่ล่ะ? ฉันจะคนสั่งดอกไม้ส่งตรงมาจากปราก ดีไหมครับ”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ ผลผลิตดอกกุหลาบในกรุงปรากปีนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ฉันได้ยินมาว่ากุหลาบที่พวกเขาปลูก เพียงหนึ่งดอกกลับมีราคามากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ มันมีมูลค่าสูงเกินไป…” แมนดี้ส่ายหัว แม้ว่าเธอจะชื่นชอบดอกกุหลาบของที่นั่น แต่มันก็ไม่ควรเพราะด้วยราคาของมันสูงเกินไป
“หนึ่งดอกมีราคามากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์…” ดวงตาของดอนกระตุกเล็กน้อย ‘แน่นอนฉันไม่สามารถมอบดอกกุหลาบให้หล่อนเพียงแค่ดอกเดียว ตอนนี้ฉันมีดอกกุหลาบมากกว่าร้อยดอกอยู่ในมือ ถ้าฉันอยากจะให้ของขวัญกับเธอฉันต้องมีมากเท่านี้สินะ งั้นมันต้องใช้เงินมากกว่าสองล้านดอลลาร์เลยน่ะสิ’
เมื่อคิดเช่นนั้นดอนก็อดไม่ได้ที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะดูดีมีฐานะร่ำรวยต่อสายตาของทุกคนก็ตาม
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นฮาร์วี่ย์ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้เดินผ่าน รปภ. เข้ามา และเดินตรงเข้าไปยังล็อบบี้ด้านในทันที เขาคว้าช่อดอกไม้ในมือของดอนทิ้งแล้วโยนมันลงพื้น
“ที่รัก อย่าไปรับของจากคนอื่นสิ ถ้าคุณชอบดอกกุหลาบ เดี๋ยวผมจะซื้อให้ มันเป็นแค่ดอกกุหลาบธรรมดาๆเท่านั้น!” ฮาร์วี่ย์กลายเป็นคนที่กล้าหาญโดยไม่รู้ตัว เขาจับมือเล็กของแมนดี้อย่างอ่อนโยน แล้วดึงตัวเธอเดินไปยังลิฟต์ทันที
“ฮาร์วี่ย์ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ คุณพูดเรื่องเหลวไหลแบบนั้นไปได้ยังไงกัน” แมนดี้ตำหนิเขาเบา ๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในล็อบบี้ของบริษัท และมีคนพลุกพล่านเดินไปมา แน่นอนว่าเธอไม่สามารถทำเรื่องโง่ๆอะไรออกไปได้เพราะเธอเป็นถึงซีอีโอของที่นี่ ดังนั้นเธอจึงพยายามจะปล่อยมือออกจากชายหนุ่ม แต่ฮาร์วี่ย์ยังคงจับไว้แน่น
“ไอ้เ*ว! กลับมาตรงนี้เลยนะ!" ตอนแรกดอนไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี แต่ตอนนี้เขาจมอยู่ในความโกรธแค้นลึกๆ และเขาหยิบช่อดอกไม้นั้นขึ้นมาด้วยความระมัดระวังเพราะเขาต้องใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ไปกับช่อดอกไม้ช่อนี้ เขาคงโกรธมากแน่ๆ ที่มันถูกโยนลงพื้นแบบนั้น
‘ที่สำคัญกว่านั้นคือไอ้เ*วนั่นมันจับมือนางฟ้าเทพธิดาของฉัน! ฉันยังไม่มีโอกาสแม้จะได้จับมือเธอเลยด้วยซ้ำ! ’
“แกทำลายดอกไม้ของฉัน! แกจะสามารถชดเชยมันได้หรอ? แกเป็นใคร” ดอนจับประตูลิฟต์ด้วยมือซ้ายและบังคับให้ประตูเปิดออกอีกครั้ง
“ ไอ้เ*ว! แกต้องมีคำอธิบายที่ดีให้ฉันในสิ่งที่แกทำเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นแกจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับมัน!”