บทที่ 1
ณ คฤหาสน์ซิมเมอร์ของตระกูลซิมเมอร์ในเมืองนิอัมมี่ ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟมากมาย
คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบเจ็ดสิบปีของผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ ภายในงานเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติมากหน้าหลายตา
ลูกๆ หลานๆ ทุกคนมอบของขวัญให้กับเขาและอวยพรท่านอย่างพร้อมเพรียงว่า “พวกเราขออวยพรให้คุณปู่มีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาวนะคะ/ครับ”
ท่านซิมเมอร์ก็เผยใบหน้าที่มีเลือดฝาดเหมือนกลีบกุหลาบและดูมีพลังขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมเอ่ยขึ้นมาว่า “ดีจัง พวกเธอช่างเป็นคนที่นอบน้อมเสียจริงๆ ปู่รู้สึกมีความสุขมากๆ ดังนั้นวันนี้ปู่จะยอมให้ในสิ่งที่พวกเธออยากได้ทีละคนเลย! แค่บอกมาว่าพวกเธออยากได้อะไร”
“คุณปู่คะ หนูอยากได้อพาร์ทเมนต์ใกล้ทะเลค่ะ มันไม่แพงเลย แค่ล้านดอลลาร์กว่าเท่านั้นเอง…”
“คุณปู่คะ หนูอยากได้กระเป๋าชาแนลรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นค่ะ…”
“คุณปู่ครับ ผมอยากได้รถสปอร์ต BMW …”
“คุณปู่ครับ ผมอยากได้นาฬิกาโรเล็กซ์…”
“...”
"โอเคๆ ปู่จะให้ทุกอย่างที่พวกเธอขอมา!” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ให้สัญญากับพวกเขาโดยไม่มีความลังเลใดๆ
เด็กหนุ่มและเด็กสาว เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการต่างก็ดีใจกันมากจนพวกเขาแทบจะคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
แค่ได้มองสีหน้าท่าทางของพวกหลานๆ มันทำให้คุณปู่ซิมเมอร์ดีใจและเขารู้สึกพอใจที่ได้ทำให้หลานๆ ของเขามีความสุข
ในขณะนั้น ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก ลูกเขยของตระกูลซิมเมอร์ เหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง ได้ย่างฝีเท้าออกมาด้านหน้าทันที “คุณปู่ครับ ได้โปรดซื้อสกู๊ตเตอร์ให้ผมสักคันได้ไหมครับ? สกู๊ตเตอร์ทำให้ผมสะดวกมากขึ้นในตอนที่ผมออกไปข้างนอกหรือไปจ่ายตลาดครับ...”
ทันใดนั้น ทุกคนในครอบครัวก็ตกใจจนแทบจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อพวกเขามองไปที่ฮาร์วี่ย์ด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ลูกเขยคนนี้นี่เสียสติไปแล้วหรือเปล่านะ? เนื่องในโอกาสอะไรละ? เป็นแค่ลูกเขยนะจะเรียกร้องได้ด้วยหรือ?
มิหนำซ้ำ เขาไม่มีแม้แต่ของขวัญสักชิ้นมอบให้กับผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์สำหรับงานวันเกิดเลยด้วยซ้ำ เขากลับทำตัวหน้าไม่อาย ด้วยการมาขออะไรกับท่านซิมเมอร์ได้ยังไงกัน? แม้ว่าเขาจะไม่ขออะไรมากมาย แต่กลับเป็นสกู๊ตเตอร์เพียงคันเดียว นี่เขาจงใจจะฉีกหน้าท่านหรือเปล่านะ?
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าคุณย่าใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ไปเจอฮาร์วี่ย์ได้อย่างไร แถมคุณย่ายังบังคับให้หลานสาวคนโตแต่งงานกับเขา ในตอนนั้นฮาร์วี่ย์เป็นเพียงผู้ชายจนๆคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างจากขอทานเลยสักนิดเดียว
แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ในวันแต่งงานของทั้งคู่ คุณย่าใหญ่ของตระกูลซิมเมอร์ก็ด่วนจากไปเสียก่อน ตั้งแต่นั้นมาทุกคนในตระกูลซิมเมอร์ต่างก็ดูถูกดูแคลนฮาร์วีย์มาโดยตลอด ในช่วงตลอดสามปีที่ผ่านมาฮาร์วีย์นั้นได้ทำงานประหนึ่งว่าตนเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์แห่งนี้ เขาต้องเตรียมน้ำไว้ให้คนอื่นๆ ล้างเท้า เท่านั้นยังไม่พอ เขายังต้องเข้าครัวทำอาหารอีกด้วย แน่นอนล่ะ เขาใช้ชีวิตที่ค่อนข้างน่าแร้นแค้นที่นั่น
ตอนนี้ เขาเปล่งเสียงออกมาและร้องขอสกู๊ตเตอร์คันเดียว มันเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
สกู๊ตเตอร์คันเก่าถูกขโมยไปตอนไปจ่ายตลาดเมื่อวันก่อน ฮาร์วีย์ไม่มีเงินติดตัวเลยสักดอลลาร์ เขาจึงเปล่งคำขอของเขาออกไปในตอนนั้น
และด้วยผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ที่ดูเหมือนกำลังมีความสุข ฮาร์วี่ย์จึงคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่จะขอในสิ่งที่เขาปรารถนา แม้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ที่เคยปรากฏถึงความสุขใจ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดูอึมครึมทันที เขาเขวี้ยงแก้วในมือจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆบนพื้น แล้วตะโกนออกมเสียงดังาด้วยความโกรธว่า “ไอ้เ*ว! แกมาร่วมงานวันเกิดฉันหรือแกมาทำลายความสุขของทุกคนกันแน่หะ?”
แมนดี้ ซิมเมอร์ ภรรยาของฮาร์วี่ย์รีบเข้ามาและอธิบายให้คุณปู่ของเธอฟังว่า “คุณปู่ค่ะ ฮาร์วี่ย์ไม่ได้ตั้งใจ วันนี้เป็นวันดี คุณปู่อย่าถือโทษโกรธเขาเลยนะคะ”
จากนั้น แมนดี้ได้ดึงตัวฮาร์วีย์ออกมาอยู่ข้างๆตน
ในจังหวะเดียวกัน ควินน์ ซิมเมอร์ ลูกพี่ลูกน้องของแมนดี้ก็หัวเราะหยันออกมา “แมนดี้ ดูแลสามีที่ไร้ประโยชน์ของเธอด้วยสิ! แล้ววันนี้เรามีงานสำคัญอะไรล่ะ? นี่มันงานเลี้ยงฉลองวันเกิดปีที่ เจ็ดสิบของคุณปู่นะ แล้วนี่อะไร สามีของเธอก็มาตัวเปล่า แล้วเขากล้าดียังไงที่จะมาขออะไรจากคุณปู่น่ะ? เขาอวดดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ใช่ๆ เขาไม่มีมารยาทเอาซะเลย กล้าขออะไรจากคุณปู่ได้อย่างไร? เขาไม่เห็นเหรอว่าวันนี้มีแขกมาร่วมงานมากแค่ไหน? นี่มันช่างฉีกหน้ากันเสียจริง!” คนที่สบถมันออกมาคือ แซ็ค ซิมเมอร์ หลานชายคนโตสุดที่รักของผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ เขามักจะไม่ลงรอยกับแมนดี้ แล้วตอนนี้นี่แหละคือโอกาสที่เขาจะได้เยาะเย้ยเธอ
“ช่างเป็นไอ้เ*วที่ไร้ค่าอะไรขนาดนี้! มันถูกแล้วใช่ไหมที่เขาต้องมาอยู่ในครอบครัวของเราน่ะ?”
"ใช่! เขาฉีกหน้าเราชัดๆ!”
“ฉันพอจะเข้าใจแล้วตอนนี้ เขาจงใจปั่นประสาทเรา! เขาต้องการทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณปู่!”
“ช่างโง่สิ้นดี! คฤหาสน์ของเราก็มีคนรับใช้ตั้งเยอะแยะ ทำไมเราจึงจำเป็นต้องออกไปจ่ายตลาดเองอีก”
“แกไม่แม้แต่จะขยันด้วยซ้ำ ไร้ยางอายอะไรขนาดนี้! นี่แกคิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนสำคัญกับเราหรือยังไง?”
“ไสหัวไปให้พ้น! ถ้าแกมาฉีกหน้าพวกเราอีกล่ะก็ ฉันนี่แหละจะสั่งสอนแกเอง!”
“...”
เมื่อได้ฟังคำประณามและการทับถมต่างๆ นานา จากคนในตระกูลซิมเมอร์ ฮาร์วีย์ก็เหลืออดแต่ก็ทำเป็นมองข้ามไป
เมื่อสามปีก่อน ฮาร์วี่ย์อาจจะตายไปแล้วก็ได้ หากไม่ได้คุณย่าใหญ่ของตระกูลซิมเมอร์ช่วยเขาไว้และพาเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เขาไม่เคยปริปากบ่นอะไรเลย แม้ว่าเขาจำต้องทำงาน ประหนึ่งเป็นคนรับใช้ให้กับครอบครัวนี้มาตลอดสามปี
“คุณท่านครับ คุณดอน แซนเดอร์ ผู้จัดการจาก ยอร์ค เอ็นเทอร์ไพรส์ มาอวยพรวันเกิดคุณปู่ครับ!” เสียงใครบางคนพูดอยู่ตรงประตูคฤหาสน์
ทันใดนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มรูปงาม รูปร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามายังห้องโถง ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ยอร์ก เอนเตอร์ไพรส์นั้น เป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูลยอร์ก ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดในเซาธ์ไลท์
มิหนำซ้ำ ดอน ยังเป็นหนึ่งในผู้จัดการโครงการที่ทำงานให้กับ ยอร์ก เอนเตอร์ไพรส์ เขามาจากครอบครัวที่มีภูมิฐานดีและยังดำรงตำแหน่งสำคัญและมีเกียรติในบริษัทอีกด้วย
หลายต่อหลายตระกูลในนิอัมมี่ก็ต่างต้องการที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาทั้งนั้น แต่ทว่าพวกเขานั้นไม่เคยได้มีโอกาสดีๆอะไรเช่นนี้เลย แต่ก็น่าแปลกใจนะ ที่จู่ๆ เขาก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้ท่านซิมเมอร์เสียได้
“คุณท่านครับ นี่ครับของขวัญที่ผมเตรียมมาให้!”
ดอนยิ้มและกล่าวทักทาย และเมื่อเขาเปิดกล่องของขวัญออก ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง
ในกล่องของขวัญนั้นมีเช็คใบหนึ่งและมีมูลค่ามากถึงแปดแสนแปดหมื่นดอลลาร์เลยทีเดียว
ในเมืองนิอัมมี่ เงินจำนวนประมาณนี้จะถูกใช้ในการสู่ขอใครสักคนแต่งงาน
“คุณท่านครับ ที่ผมมาในวันนี้ก็เพื่อมาขอแมนดี้แต่งงานครับ ผมชื่นชมเธอมานานแล้วครับ ตอนนี้ผมก็หวังวัาเธอจะตอบตกลงรับข้อเสนอของผมและแต่งงานกับผม!”
คนอื่นๆ นั้นต่างอ้าปากค้างด้วยความงงงวย
แล้วในทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างต้องตกตะลึง
แมนดี้เป็นภรรยาของฮาร์วี่ย์นะ ดอนไม่สนใจเรื่องนั้นเลยเหรอ? เขาไม่แสดงความเคารพยำเกรงใดๆ ต่อฮาร์วีย์เลยด้วยซ้ำ
แต่หลังจากได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฮาร์วีย์ก็เป็นเพียงลูกเขยไร้ค่าที่ถูกรับมาเลี้ยงเท่านั้น ทำไมดอนจะต้องไปเคารพนับถือเขาล่ะ? ดอนไม่กลัวด้วยซ้ำว่าเขาอาจจะทำให้ฮาร์วีย์ไม่พอใจขึ้นมา
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันอาจจะกะทันหันเกินไปหน่อย แต่ผมก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นแมนดี้ที่รักของผมต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายที่ไร้ประโยชน์คนนี้ คุณท่านครับผมก็หวังว่าคุณท่านจะสามารถพิจารณาข้อเสนอของผมอย่างที่เห็นสมควรนะครับ” ดอนยิ้มและกล่าวออกไป จากนั้นเขาก็หันกลับมาและยิ้มให้แมนดี้อีกครั้งก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินจากไป
จนถึงตอนนั้น ดอนไม่แม้แต่เหลือบมองมาที่ฮาร์วี่ย์เลยสักนิด เขาไม่ได้กังวลใดๆเกี่ยวกับฮาร์วี่ย์เสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ทุกคนก็ปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือด
"คุณแซนเดอร์ เป็นผู้จัดการแผนกของยอร์ก เอนเตอร์ไพรส์ เขามีอิทธิพลมาก ฉันได้ยินมาว่าการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวของเขาอาจตัดสินชะตากรรมของบริษัทเล็กๆ ได้เลยว่าจะยุบทิ้งหรือทำให้เติบโต”
“แมนดี้เธอโชคดีมากเลยนะ! ถ้าเธอแต่งงานกับมิสเตอร์แซนเดอร์ย่อมดีกว่าต้องอยู่กับฮาร์วีย์ผู้ไร้ประโยชน์แน่ๆ!”
“ถ้าทั้งสองคนนี้แต่งงาน ครอบครัวเราก็พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วยแน่นอน”
ซินเธีย ซิมเมอร์ น้องสาวของแมนดี้ ได้ก้าวออกมาข้างหน้าและได้พูดว่า “ฮาร์วีย์ นายไม่อยากได้สกู๊ตเตอร์แล้วเหรอไง?” ถ้านายตกลงยอมหย่ากับพี่สาวฉัน ฉันจะซื้อสกู๊ตเตอร์ให้นายพรุ่งนี้เลย เอาไหม?”
"ใช่เลย! ที่ซีนเธียร์พูดนั้นยอดเยี่ยมมาก!”
“ชายไร้ค่าคนนี้ไม่ได้อยากได้สกู๊ตเตอร์หรอกเหรอ? พวกเราจะได้ซื้อให้เขาสักคัน! แต่เขาต้องหย่ากับแมนดี้!”
ดวงตาของท่านซิมเมอร์ก็กระพริบลง เขามองฮาร์วี่ย์อย่างสื่อความหมายและพูดว่า “ฮาร์วีย์ ถ้าแกเต็มใจที่จะหย่ากับแมนดี้ ฉันให้นายได้มากกว่าแค่สกู๊ตเตอร์คันเดียวแน่นอน เงินสักล้านหนึ่งเป็นยังไง?
ในตอนแรก ฮาร์วีย์ก้มหัวลง แต่ตอนนี้นั้นเขาได้เหลือบไปเห็นแมนดี้ที่อยู่ข้างๆ เขา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “คุณปู่ครับ ผมไม่เคยอยากหย่ากับแมนดี้เลยครับ”
สีหน้าของคุณท่านซิมเมอร์ดูแย่ลง เขาชี้นิ้วไปที่ฮาร์วีย์และต่อว่าฮาร์วีย์ด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้เ*ว แกกล้าปฏิเสธข้อเสนอดีๆแบบนี้ได้ยังไง! ไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนึ้! ฉันไม่อยากให้ไอ้คนเหลวแหลกอย่างแกมาร่วมงานเลี้ยงของฉัน!”
ฮาร์วีย์หยุดชะงักไปชั่วขณะ มันทำให้เขาประหลาดใจเลยทีเดียวที่เห็นผู้อาวุโสซิมเมอร์แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเขา และยังไม่สนใจความรู้สึกของเขาอีกด้วย เขาทำได้เพียงแค่ส่ายหัวโดยที่ไม่รู้ตัวและเดินจากไป
“ฮาร์วี่ย์…” แมนดี้ที่ดูลังเล เธอไม่รู้ว่าควรจะตามเขาไปดีไหม
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ท่านซิมเมอร์จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แมนดี้ ถ้าวันนี้หลานกล้าที่จะตามเขาออกไป ปู่จะตัดปู่ตัดหลานและไม่นับว่าเธอเป็นหลานของปู่!”
แมนดี้ชะงักหยุดเดินโดยพลัน เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคุณปู่ของเธอจะใจร้ายใจดำได้ถึงเพียงนี้
ฮาร์วี่ย์พูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณอยู่ที่นี่เถอะ ไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะผมหรอก”
ก่อนที่แมนดี้จะทันได้ตอบอะไร ฮาร์วีย์ก็หันหลังและจากไปเสียแล้ว
แซ็คหัวเราะร่า “พี่เขยสุดที่รัก นายวางแผนจะกลับบ้านยังไงเหรอ? อย่าบอกนะว่านายจะเดินกลับบ้านน่ะ มานี่สิ ฉันมีอยู่หนึ่งดอลลาร์ตรงนี้ ให้ฉันเป็นคนใจบุญเพื่อให้นายเอาไปจ่ายค่ารถบัสเถอะนะ ไม่ต้องอายหรอกถ้าจะรับไปน่ะ!”
จากนั้น แซ็คก็ควักเหรียญออกมา 1 ดอลลาร์ แล้วโยนมันให้ฮาร์วี่ย์
แล้วพี่น้องตระกูลซิมเมอร์ส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานออกมา
ฮาร์วี่ย์กัดฟันกรอด แต่ทว่าเขาก็ยังคงพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี หลังจากนั้น เขาได้ออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปทันที
ขณะนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที
เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าเครื่องเดิมแล้วเหลือบมองมัน เบอร์ที่ส่งข้อความเข้ามาเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ลงท้ายด้วยเลข 8 จำนวน 6 หลัก
ฮาร์วี่ย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กดเข้าไปที่กล่องข้อความ แล้วมองดู
“ท่านครับ ยอร์ก เอนเตอร์ไพรส์กำลังประสบกับปัญหาใหญ่ ได้โปรดกลับบ้านมาจัดการกับปัญหาเถอะครับ”