บทที่ 9
มาเดลีนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากราวกับว่าหัวใจของเธอถูกฉีกกระชากออกเป็นพัน ๆ ครั้งด้วยมีดเล่มหนึ่งจากเจเรมี่ “เจเรมี่ สิ่งที่ฉัดพูดเป็นความจริง!”
“สำหรับฉันแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกของเมเรดิธ เธอกำลังพ่นขยะอะไรออกมา”
การตอบกลับมาของเขาเจ็บปวดเกินตานทาน มันตรงดิ่งเข้ามาปักหัวใจของมาเดลีนราวกับดาบที่แหลมคมก็ไม่ปาน
ดังนั้นสำหรับเขาแล้วความจริงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือเขารักเมเรดิธ และความจริงนั้นทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง
เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกแข็งทื่อคล้ายกับหินราวกับว่าเธอสูญสิ้นแล้วกับความหวังครั้งนี้และทำได้เพียงสนองปราถนาของผู้ชายคนนี้
มาเดลีนยิ้มออกมาอย่างเสียใจ “ตกลง ฉันจะขอโทษ”
เธอทนแบกรับความเจ็บปวดที่มีในร่างกายและก้มหัวขอโทษเมเรดิธ
เมเรดิธแอบยิ้มเยาะรอยยิ้มแห่งชัยชนะนั้นทำให้เธอพอใจกับมันมาก
เธอไม่เคยมีความคิดนั้นมาก่อนว่าเจเรมี่จะเพิกเฉยต่อความจริงเพียงเพราะเมเรดิธ เหตุผลเดียวที่มีคือเขารักเธอ เขารักเธอมาก
หลังจากวันนั้นเป็นต้น มามาเดลีนเองไม่เคยเห็นเจเรมี่อีกเลย
เธอต้องการหางานเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เธอไม่ต้องการรับรู้ถึงความทรมาเพียงเพราะเจเรมี่ไม่รักเธออีกต่อไป
มาดาลีนเคยเรียนการออกแบบเครื่องประดับและจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดีมาก เธอส่งเรซูเม่ทางออนไลน์ และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับจดหมายเชิญให้ไปสัมภาษณ์จกสองบริษัท เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองบริษัทแล้วมาเดลีนตัดสินใจ เลือกบริษัทที่ใกล้บ้านมากกว่า
เธอคิดว่าเธอสามารถใช้งานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจที่มีต่อเจเรมี่ได้ แต่ว่าเธอก็ยังอดคิดถึงเขาไม่ได้อยู่ดี
ถึงแม้เขาจะโกรธแค้นและเหยียดหยามเธอมากเพียงใด
ค่ำคืนในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศค่อนข้างเย็น เป็นเวลาที่พนักงานในบริษัทเลิกงานไปแล้ว ในขณะเดียวกันมาเดลีนเองกลับอยู่ที่สำนักงานคนเดียวเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
ถ้าเธอกลับบ้านเธอก็คงอยู่คนเดียว ดังนั้นเธอเลือกที่จะวุ่นวายกับงานในสำนักงานแทน
เวลาผ่านไปเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เธอรู้สึกหิวเล็กน้อย
เธอลูบท้องของเธอและนึกขึ้นได้ว่าเธอยังมีเด็กน้อยในครรภ์ของเธอและนั่นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปริ่มเปรมในใจ
เมื่อเธอกำลังจะลุกขึ้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ และเธอก็รีบคว้ามันอย่างลนลาน
รายชื่อเบอร์ที่โทรเข้ามาที่เธอเห็นแล้วเเทบจะเป็นไปไม่ได้
เจเรมี่โทรหาเธอ เธอลังเลสักพักเธอก่อนจะรับสายอย่างมีความสุข
“เจเรมี่…”
“อ่าห์…ใช่ เจเรมี่ คุณสุดยอดมาก ฉันรักคุณ…"
เสียงครวญครางของผู้หญิงดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์ มันผ่านทะลุหูของมาเดลีนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงครวญครางของชายคนหนึ่ง
มาเดลีนกำโทรศัพท์ไว้ในมืออย่างแน่นเธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอดิ่งวูบจากสวรรค์สู่นรก ความเจ็บปวดที่เธอไม่สามารถควบคุมได้จู่โจมหัวใจของเธอทันที
เธอกดตัดสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เธอต้องการเพียงแค่ลบเสียงเหล่านั้นออกจากความทรงจำของเธอ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เธอลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับบ้านและหยิบไวน์แดงหนึ่งขวดจากตู้เหล้าของเจเรมี่
ผ่านไปไม่กี่อึก มาดาลีนหยุดการกระทำที่ทรมานนี้ เธอไม่สามารถปล่อยให้ลูกในท้องทนทุกข์กับเธอได้
มาเดลีนยังคงมึนเมา เธออยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ในที่สุดเธอเห็นผู้ชายที่เธอรักมา 12 ปีเดินมาหาเธอ
เขาสูงและดูดีมาก การแสดงออกทางอรมณ์และรูปลักษณ์ของเขาโดดเด่นอย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือผู้ชายที่เธอโหยหาเฝ้าคิดถึงทั้งกลางวันและกลางคืน นี่คือผู้ชายที่เธอรัก แต่เธอไม่สามารถได้มาครอง
มาเดลีนโยนแก้วของเธอทิ้งไปและพุ่งตรงเข้าหาเจเรมี่ เธอตวัดวนแขนรอบคอของเขาแล้วเงยหน้าแดงที่มึนเมาขึ้นมามอง
“เจเรมี่ ฉันไม่อนุญาตให้คุณแตะต้องผู้หญิงคนอื่น ถ้าคุณต้องการอะไร คุณสามารถมาหาฉันได้ ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ!”
เธอบอกความรู้สึกทั้งหมด เธอพูดอะไรที่น่าอายอย่างที่เธอไม่เคยพูดมาก่อน
มาดาลีนรักเขา เธอรักเขาเข้ากระดูก เธอสามารถทิ้งศักดิ์ศรีและความจองหองที่มีให้กับเขาได้
เจเรมี่หงุดหงิดและผลักเธอออกไปด้วยความขยะแขยง
มาเดลีนไม่ยอม เธอพุ่งตัวเข้าหาเขาอีกครั้ง และพยายามถอดเสื้อผ้าของซ้ำยังเขย่งเท้าพยายามจูบเขา
เธอได้กลิ่นน้ำหอมฉุนจัดในตัวเขามันเป็นน้ำหอมที่เมเรดิธใช้
เธอบังคับตัวเองให้เมินเฉยต่อกลิ่นและยังคงทำตัวในลักษณะที่ไม่เหมาะสม
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้รับความรักจากเขา เธอเต็มใจที่จะกลายเป็นผู้หญิงที่ราคาถูกและไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เธอแค่ต้องการบันทึกความทรงจำที่สวยงามก่อนที่เธอจะจากไป...